รายละเอียด : เมืองโพล้เพล้

เมืองโพล้เพล้

เรื่องราวการอนุรักษ์ของคนบางกลุ่ม และการพัฒนาของคนอีกกลุ่ม รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงที่กำลังคืบคลานเข้าไปสู่สนธยาบุรี โดยเฉพาะอย่างยิ่งตำบลขาแข็ง หลายคนใฝ่ฝันอยากให้เมืองสนธยาเป็น "นิท" (New Industrialize Town) นั่นหมายถึงความเปลี่ยนแปลงที่อาจมีผลเสียต่อสภาพแวดล้อม แต่อาจให้ผลดีในแง่ของความสะดวกสบายในส่วนของความเจริญที่เข้าถึง คงไม่ยากนักหากทุกคนจะหันหน้าเข้าหากัน ประนีประนอมกันเพื่อพัฒนาบ้านเมืองไปในทางที่ดีขึ้น เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่งดงามร่วมกัน แต่ถ้าไม่เป็นเช่นนั้นอะไรจะเกิดขึ้นที่ตำบลขาแข็งแห่งเมืองโพล้เพล้ นั่นเป็นเรื่องที่น่าติดตามมิใช่น้อย "เมืองโพล้เพล้" อาจทำให้ผู้อ่านได้ลองสมมุติตัวเองเป็นราษฎรหรือคนในกลุ่มโน้นบ้าง กลุ่มนี้บ้าง เราอาจจะพอมองเห็นว่าโดยเหตุผลส่วนตัวแล้ว เราสามารถลงมือทำหลายสิ่งหลายอย่างได้ตามสิทธิที่มีอยู่ หลายคนคิดเช่นนั้น แต่ด้วยสำนึกบางอย่างที่ทำให้กลุ่มคนสามารถสร้างสรรค์สิ่งที่ดีๆ ให้เกิดกับสังคมได้นั่นก็คือ จิตสำนึกของความเป็นส่วนรวม ซึ่งมีส่วนสำคัญยิ่งในประเทศที่กำลังพัฒนา โดยผลกระทบของการเปลี่ยนแปลง จะได้รับการแก้ไขด้วยความรู้และความไม่เห็นแก่ตัว เพื่อที่มนุษย์จะได้ดำรงตนอย่างภาคภูมิใจในกระแสของสังคมที่เปลี่ยนไป โดยไม่ทำลายจิตวิญญาณของตนลงไปด้วย ว.วินิจฉัยกุล เขียนเรื่องนี้ขึ้นเพื่อแสดงให้เห็นเงาสะท้อนของเมืองไทยในกระจกแห่งเมืองสมมุติ โดยใช้อารมณ์ขันแวดล้อมข้อความที่เสียดสีภาพของเมืองที่ยังไม่มีอะไรลงตัว ทว่า แม้จะเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยปัญหาและข้อขัดแย้งมากมายแต่ก็ยังมีโอกาสที่จะช่วยกันแก้ไขให้ดีขึ้นได้ด้วยความจริงใจและปราถนาดีมิใช่หรือ

เนื้อหาปกหลัง : เมืองโพล้เพล้

ชาวเมืองสนธยาบุรีไม่เคยดูภาพยนตร์เรื่อง "แดนสนธยา" แลไม่ได้เอาใจใส่เรื่องราวแปลกประหลาดเหนือธรรมชาติ พิเศษไปกว่าชาวเมืองอื่นๆ ในประเทศ ทุกวันนี้ ชาวเมืองสนธยาก็ยังดำเนินชีวิตไปตามปกติไม่ได้เห็นแม้แต่น้อยว่า ตัวเองอยู่ระหว่างกึ่งกลางความสว่างและความมืดแต่อย่างใด จะเว้นก็แต่ไม่กี่คน ซึ่งเป็นตัวละครสำคัญของเรื่องนี้ แต่ละคนไม่อาจตกลงใจได้จนแล้วจนรอด ว่าตัวเองอยู่กึ่งกลางระหว่างอะไรแน่ ระหว่างความล้าสมัยและทันสมัย ระหว่างความผิดพลาดและความถูกต้อง ระหว่างการอนุรักษ์นิยมและความก้าวหน้า หรือระหว่างความโง่และความฉลาด