รายละเอียด : MANAIL & JULLEY

MANAIL & JULLEY

มะนาลีลงโลดแล่นบนถนนใหญ่ เราผ่านโค้งพับผ้า ที่พ้นยากในครั้งก่อนแต่่ง่ายขึ้นมากในหนนี้ ถนนสายที่มุ่งตรงไปยังโรห์ตังคลาคล่ำไปด้วยรถจิ๊ป รถทัวร์ รถบรรทุกและเพื่อนพ้องของน้องมะนาลี "ไม่ว่าชีวิตที่ผ่านมา ฉันจะเชื่อในอะไร แต่นาทีนี้เพียงสามสิ่งเท่านั้น ที่ฉันต้องเชื่อให้หมดใจ

คำนำ : MANAIL & JULLEY

ในทุกการเดินทาง มีการค้นพบและความสูญเสีย แต่ทั้งสองอย่างล้วนเป็นของขวัญที่เรียกว่าประสบการณ์ ตินและก็อตนำเสนอต้นแบบชิ้นนี้กับอะบุ๊กในสภาพที่เราเรียกได้ว่าสมบูรณ์เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์มาแล้ว ทุกตัวอักษรที่อ่านสัมผัสได้ชัดเจนว่าเขียนขึ้นอย่างประณีต ครั้งแรกที่เปิดอ่านเพียงคร่าวๆ พบว่า...น่าหมั่นไส้จริงวุ้ยไอคู่นี้.ฝ่ายหญิงใช้ภาษางดงามราวบทกวี ทำหน้าที่ซ้อนบิ๊กไบค์หล่อๆ ให้แฟนตัวเองขับลัดเลาะไต่หิมาลัย ฝ่ายชายนอกจากจะรับบทหนักในการแว้นแล้ว ยังเก็บภาพสวยซึ้งมากฝากพวกเรา แต่เมื่ออ่านไปก็พบว่าสิ่งที่น่าสนใจคือทั้งคู่ไม่ใช่มนุษย์แอดเวนเจอร์ เป็นคนเมืองอย่างเราๆ ท่านๆ ชีวิตปกติของตินกานต์คือการอบขนมและอ่านหนังสือ ส่วนก๊อตก็เป็นช่างภาพอาหาร ทั้งคู่อยู่ในคอมฟอร์ตโซนเหมือนคนทั่วไป แต่แล้วอยู่มาวันหนึ่งก๋พาตัวเองไปเสี่ยงตายอยู่บนถนนที่สูงที่สุดในโลก ฝ่าแดดที่ร้อนจนผิวเกรียมไหม้ และคืนที่หนาวจนผ้าห่มหนาแค่ไหนก็ไม่หลับ ภารกิจตลอดวันคือการพุ่งทะยานออกไปบนภนนสายโหด สูงขึ้นไป สูงขึ้นไป ซ้ายภูผา ขวาหุบเหว ถ้ารถแฉลบเพียงนิดเดียวก็... ทว่าพวกเราไม่ได้พบสรวงสวรรค์ หิมาลัยได้ชื่อว่ามีสภาพภูมิประเทศแบบ Moonscape พวกเขาพบว่าตัวเองอยู่บนดาวดวงอื่น และสำหรับเรา นั่นก็คุ้มค่าเกินพอแล้วที่จะออกเดินทาง

ชมพูนุท ดีประวัติ

เนื้อหาปกหลัง : MANAIL & JULLEY

มะนาลีลงโลดแล่นบนถนนใหญ่ เราผ่านโค้งพับผ้า ที่พ้นยากในครั้งก่อนแต่่ง่ายขึ้นมากในหนนี้ ถนนสายที่มุ่งตรงไปยังโรห์ตังคลาคล่ำไปด้วยรถจิ๊ป รถทัวร์ รถบรรทุกและเพื่อนพ้องของน้องมะนาลี "ไม่ว่าชีวิตที่ผ่านมา ฉันจะเชื่อในอะไร แต่นาทีนี้เพียงสามสิ่งเท่านั้น ที่ฉันต้องเชื่อให้หมดใจ