รายละเอียด : เลี้ยงลูกอย่างไร ให้ใช้สมองทั้ง 2 ด้าน

เลี้ยงลูกอย่างไร ให้ใช้สมองทั้ง 2 ด้าน

รอดและรุ่งโรจน์ : คุณก็เคยมีวันแบบนั้นใช่ไหม วันที่นอนหลับไม่เพียงพอรองเท้าฟุตบอลเลอะโคลน เนยถั่วเปื้อนเสื้อแจ็กเกตตัวใหม่ สงครามการบ้าน เจอแป้งปั้นในแแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์ และคำพูดซ้ำๆ ว่า "เธอเริ่มก่อน!" ทำให้คุณต้องนับถอยหลังจนกว่าจะถึงเวลาเข้านอนกับตอนนี้ เมื่อคุณ (อีกแล้วเหรอ!!) ต้องงัดเอาลูกเกดออกจากรูจมูกสิ่งที่คุณหวังมากที่สุดก้คงจะเป้นการเอาตัวรอดให้ได้

อย่างไรก็ตาม พอเป็นเรื่องลูก คุณมักจะตั้งเป้าหมายไว้สูงกว่าแค่เอาตัวรอดอยู่ไม่น้อย จริงอยู่ว่าคุณผ่านช่วงเวลาที่ลูกอาละวาดในร้านอาหารไปให้ได้ แต่ไม่ว่าคุณจะเป็นพ่อแม่หรือคนเลี้ยงดูคนอื่นๆ ที่มีหน้าที่รับผิดชอบในชีวิตของลูก เป้าหมายสูงสุดคือการเลี้ยงลูกในแบบที่จะช่วยให้พวกเขารุ่งโรจน์ คุณอยากให้พวกเขามีความสุขในความสัมพันธ์ที่มีความหมาย เป้นคนเอาใจใส่และเห็นอกเห็นใจผู้อื่น เรียนเก่งขยันและมีความรับผิดชอบ และรู้สึกดีกับสิ่งที่ตัวเองเป็น

สารบัญ : เลี้ยงลูกอย่างไร ให้ใช้สมองทั้ง 2 ด้าน

• เลี้ยงลูกโดยใส่ใจสมอง
• สมองสองซีกดีกว่าสมองซีกเดียว : การหลอมรวมสมองซีกซ้ายกับขวา
• สร้างบันไดสมอง : หลอมรวมสมองชั้นบนกับชั้นล่าง
• จัดการผีเสื้อซะ ! หลอมรวมความจำเพื่อเติบโตและเยียวยา
• สหฉันท์ : หลอมรวมมุมต่างๆ ของตัวเอง
• เชื่อมโยงฉัน-เรา : หลอมรวมตัวเองกับผู้อื่น

เนื้อหาปกหลัง : เลี้ยงลูกอย่างไร ให้ใช้สมองทั้ง 2 ด้าน

เก่งได้สุขเป็น คือสิ่งที่พ่อแม่ อยากจะเห็นในตัวลูกทุกๆคน...

เราทุกคนล้วนมีความหวังและความฝันในตัวลูกกันทั้งนั้น สำหรับพวกเราส่วนใหญ่ ก็อยากให้ลูกมีความสุข มีสุขภาพแข็งแรงและเป็นตัวของตัวเอง

พ่อแม่สามารถกำหนดการเจริญเติบโตของสมองลูกตามประสบการณ์ที่ตัวเองมอบให้ได้ เช่น ชั่วโมงที่อยู่หน้าจอ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นวิดีโอเกม ดูโทรทัศน์ หรือส่งข้อความคือการเชื่อมต่อสมองในรูปแบบหนึ่ง กิจกรรมเพื่อการศึกษา กีฬา และดนตรีก็เชื่อมต่อในรูปแบบหนึ่ง การใช้เวลากับครอบครัว เพื่อนและการเรียนรู้ความสัมพันธ์ โดยเฉพาะด้วยการปฏิสัมพันธ์แบบตัวต่อตัว ก็จะเชื่อมต่อสมองในอีกรูปแบบหนึ่ง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนส่งผลต่อการพัฒนาสมองของลูกทั้งสิ้น

รีวิวโดยผู้เขียน : เลี้ยงลูกอย่างไร ให้ใช้สมองทั้ง 2 ด้าน

"ซีเกิลและไบรสันบอกให้รู้ว่าสมองที่หลอมรวมโดยมีส่วนต่างๆทำงานอย่างสอดประสานและสมดุลก่อให้เกิดการเข้าใจตัวเองดีขึ้นความสัมพันธ์แน่นแฟ้นขึ้น ประสบความสำเร็จในการเรียน และอื่นๆ ผู้แต่งพยายามอย่างหนักที่จะทำวิทยาศาสตร์ด้านสมองง่ายต่อคนเป็นพ่อแม่ โดยใช้ภาพประกอบ แผนภาพ หรือแม้แต่ 'ตารางตู้เย็น' ที่เป็นประโยชน์มาก"

พับลิชเชอร์ส วีกลี่