กล้าที่จะถูกเกลียด

ผู้เขียน: คิชิมิ อิชิโร, โคะกะ ฟุมิทะเกะ

สำนักพิมพ์: วีเลิร์น (WeLearn)

หมวดหมู่: จิตวิทยา การพัฒนาตัวเอง , การพัฒนาตัวเอง how to

44 รีวิว เขียนรีวิว

216.00 บาท

240.00 บาท ประหยัด 24.00 บาท (10.00 %)

จำนวนคะแนนที่ได้รับ 8 แต้ม

กล้าที่จะถูกเกลียด หนังสือแนวจิตวิทยาที่นำหลักจิตวิทยาของอัลเฟรด แอดเลอร์ มาเล่าผ่านมุมมองนักเขียนจิตวิทยา จัดส่งฟรีเมื่อซื้อครบ 600 บาท < แสดงน้อยลง กล้าที่จะถูกเกลียด หนังสือแนวจิตวิทยาที่นำหลักจิตวิทยาของอัลเฟรด แอดเลอร์ มาเล่าผ่านมุมมองนักเขียนจิตวิทยา จัดส่งฟรีเมื่อซื้อครบ 600 บาท
  • ส่วนลด:
    ลด 10%
  • โปรโมชั่น:Naiin.com World Book Day ลด 10%*

Tags: The Courage To Be Disliked , Alfed Adler , อัลเฟรด แอดเลอร์ , นักปรัชญาญี่ปุ่น , How to , ฮาวทู , หนังสือฮาวทู

216.00 บาท

240.00 บาท
240.00 บาท
ประหยัด 24.00 บาท (10.00 %)

จำนวนคะแนนที่ได้รับ 8 แต้ม

จำนวน :

1

  • 1
Add to cart
  • โปรโมชั่นพิเศษ:
    • Naiin.com World Book Day ช้อปครบ 3 เล่ม ลด 15%*
    • Naiin.com World Book Day ช้อปครบ 5 เล่ม ลด 20%*
จำนวนหน้า
313 หน้า
ประเภทสินค้า
ขนาด
12.9 x 18.5 x 1.8 CM
น้ำหนัก
0.299 KG
บาร์โค้ด
9786162871429

รายละเอียด : กล้าที่จะถูกเกลียด

กล้าที่จะถูกเกลียด

คนส่วนใหญ่คิดว่า ถ้าอยากมีชีวิตที่ดี เรื่องหนึ่งที่มีความสำคัญคือ เราต้องสร้างความสัมพันธ์อันดีกับคนอื่น แต่นั่นเป็นความเข้าใจที่ผิด เพราะยิ่งคุณพยายามทำดีกับคนอื่นมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งหมายความว่าคุณต้อง "ทิ้ง" ชีวิตของตัวเองมากขึ้นเท่านั้น

แล้วคุณจะมีชีวิตดีขึ้นอย่างที่ต้องการได้จริงหรือ? หนังสือเล่มนี้เขียนขึ้นจากคำสอนที่ถูกเก็บงำไว้มากกว่า 100 ปี ของอัลเฟรด แอดเลอร์ นักจิตวิทยาผู้ได้รับการยกย่องให้เป็น "บิดาแห่งการพัฒนาตนเอง" และกลายเป็นคัมภีร์ที่ชาวญี่ปุ่นหลายล้านคนนำไปใช้ เพื่อสร้างชีวิตที่ดีในแบบที่ต้องการ คุณเองก็ทำแบบนั้นได้เช่นกัน

สิ่งเดียวที่ต้องทำคือ "กล้าที่จะถูกเกลียด"


คำนำ : กล้าที่จะถูกเกลียด

ณ ชานเมืองโบราณอายุนับพันปีมีนักปรัชญาคนหนึ่งอาศัยอยู่ เขากล่าวไว้ว่าโลกใบนี้เรียบง่ายไม่มีอะไรซับซ้อน และมนุษย์เราก็ไม่จำเป็นต้องทุกข์ทรมานอย่างที่เป็น แต่สามารถมีความสุขได้ตั้งแต่วันนี้ ทว่าชายหนุ่มคนหนึ่งไม่เห็นด้วย กับคำกล่าวนั้น เขาจึงเดินทางไปสอบถามข้อเท็จจริงกับนักปรัชญาถึงบ้าน ชีวิตของชายหนุ่มเต็มไปด้วยปัญหา โลกในสายตาของเขาจึงมีแต่ความสับสนวุ่ยวายและความขัดแย้ง ไม่มีทางที่จะมีความสุขไปได้เลย

ชายหนุ่ม / งั้นผมเริ่มเลยนะครับ อาจารย์เชื่อว่าโลกใบนี้เรียบง่ายไม่มีอะไรซับซ้อนใช่ไหมครับ

นักปรัชญา/ครับ โลกใบนี้เรียบง่ายอย่างไม่น่าเชื่อ ชีวิตของคนเราก็เช่นกัน

ชายหนุ่ม / อาจารย์แน่ใจนะครับว่ากำลังพูดถึงโลกแห่งความเป็นจริง ไม่ใช่โลกในอุดมคติ หมายความว่าปัญหาต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตผมกับอาจารย์ก็เป็นเรื่องที่เรียบง่ายเหมือนกันเหรอ

นักปรัชญา/แน่นอนครับ

ชายหนุ่ม / ก็ดีครับ แต่ก่อนจะคุยกันผมขอพูดถึงเหตุผลที่มาพบอาจารย์ในครั้งนี้ก่อน อย่างแรกเลยคือผมอยากแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับอาจารย์ และถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะขอหักล้างความเชื่อของอาจารย์

นักปรัชญา/ฮ่า ฮ่า เอาอย่างนั้นเลยเหรอ

ชายหนุ่ม / ผมได้ยินคำเล่าลือเกี่ยวกับชื่อเสียงของอาจารย์มาบ้าง ว่ากันว่าในแถบนี้มีนักปรัชญาที่มีแนวคอดแปลกประหลาดและมองโลกในแง่ดีอย่างไม่น่าเชื่อ อาจารย์บอกว่าคนเราเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ และโลกใบนี้ก็เงียบง่ายจนไม่ว่าใคก็สามารถมีความสุขได้ แต่ผมคิดว่านั่นเป็นเรื่องที่เชื่อได้ยากอยู่สักหน่อย

ผมเลยจะมาพิสูจน์ด้วยตัวเอง หากสิ่งที่อาจารย์อธิบายมีจุดไหนที่ฟังดูประหลาด ต่อให้เป็นแค่จุดเล็กๆ ผมก็จะขอทักท้วงนะครับ ไม่ทราบว่าจะเป็นการกวนอาจารย์หรือเปล่า

นักปรัชญา/ไม่เลย รู้สึกยินดีด้วยซ้ำไป ผมเองก็อยากฟังความคิดเห็นและเรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างจากคนหนุ่มอย่างคุณเหมือนกัน

ชายหนุ่ม / ขอบคุณครับ ผมเองก็ไม่ได้จะมาค้านอย่างเดียวหรอก ขอลองทบทวนดูก่อนนะครับว่าแนวคิดของอาจารย์มีอะไรบ้าง ที่อาจารย์บอกว่าโลกและชีวิตของคนเรมนั้นเรียบง่ายคงจะหมายถึงชีวิตของพวกเด็กๆ สินะครับ เพราะเด็กไม่มีภาระหน้าที่ ไม่ต้องทำงานหรือเสียภาษี ได้ใช้ชีวิตเหลือเฟือจนรู้สึกจะทำหรือจะเป็นอะไรก็ได้ เหมือนมีมือคอยช่วยปิดหูปิดตาให้ไม่ต้องรับรู้ความจริงอันโหดร้าย ถ้าอย่างนั้นก็เข้าใจได้ครัย ในสายตาของเด็กโลกคงจะเรียบง่ายจริงๆ นั่นแหละ แต่พอเราโตเป็นผู้ใหญ่ โลกก็จะเผยธาตุแท้ออกมา เราถูกบีบให้ต้องเผชิญหน้ากับความเป็นจริงที่คอยพร่ำบอกเราว่า "อย่างแกมันก็ได้แค่นี้แหละ" เมื่อเราโตขึ้น หลายสิ่งหลายอย่างที่เคยคิดว่าเป็นไปได้กลับกลายเป็น "สิ่งที่เป็นไปไม่ได้" ช่วงเวลาแสนสุขจบสิ้นลง โลกแห่งความเป็นจริงอันโหดร้ายเข้ามาแทนที่

นักปรัชญา/คุณคิดอย่างนี้นี่เอง น่าสนใจจริงๆ

ชายหนุ่ม / ไม่ใช่แค่นั้นนะครับ พอโตเป็นผู้ใหญ่เราก็ต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับคนโน้นคนนี้ มีภาระที่ต้องรับผิดชอบเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน ครอบครัว หรือหน้าที่ทางสังคม ปัญหาที่ตอนเด็กๆ ไม่เคยรับรู้อย่างการเลือกปฏิบัติ สงคราม หรือความเหลื่อมล้ำทั้งหลายทั้งปวงก็เริ่มปรากฏสู่สายตา ทีนี้พอรับรู้แล้วก็ไม่สามารถแกล้งทำเป็นไม่รู้เหมือนเมื่อก่อนได้ ที่ผมพูดมานี้ผิดหรือเปล่าครับ

นักปรัชญา/ไม่น่าจะผิดนะครับ เชิญต่อได้เลย

ชายหนุ่ม / ถ้าเป็นยุคที่ศาสนายังมีอิทธิพลอยู่ก็คงจะพอมีทางออก แค่เชื่อว่าคำสอนของพระเจ้าคือทุกสิ่งทุกอย่างแล้วทำตามไปซะโดยไม่ต้องคิดอะไรมากความ แต่ตอนนี้ศาสนาแทบไม่เหลืออิทธิพลอะไร ความศรัทธาในพระเจ้ากลายเป็นแค่ความหวังลมๆ แล้งๆ ผู้คนไม่เหลืออะไรให้เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ พวกเขารู้สึกหวั่นวิตก หวาดระแวงสังสัยไปหมดทุกสิ่งทุกอย่าง และมีชีวิตอยู่โดยคิดถึงแต่ตัวเอง นี่แหละสังคมทุกวันนี้ เอาละครับ รู้แบบนี้แล้วอาจารย์ยังจะบอกว่าโลกนี้เรียบง่ายอยู่อีกเหรอ

นักปรัชญา/ครับ ผมยังยืนยันคำเดิม โลกใบนี้เรียบง่ายชีวิตคนเราก็เช่นกัน

ชายหนุ่ม / ทำไมล่ะครับ ไม่ว่าจะมองยังไงโลกใบนี้ก็สับสนวุ่นวายและเต็มไปด้วยความขัดแย้งไม่ใช่เหรอ

นักปรัชญา/ "โลก" ไม่ได้สับสนวุ่นวายครับ "ตัวคุณ" ต่างหากที่ทำให้โลกดูสับสนวุ่นวาย

ชายหนุ่ม / ตัวผมเหรอ

นักปรัชญา/ไม่มีใครอยู่ในโลกอย่างปราศจากอติหรอกครับ เราแต่ละคนล้วนอยู่ในโลกส่วนตัวที่ตัวเองเป็นคนปั้นแต่งขค้นมาทั้งนั้น ดังนั้น โลกที่คุณเห็นกับโลกที่ผมเห็นจึงแตกต่างกัน เรียกว่าเป็นโลกของใครของมันก็ว่าได้

ชายหนุ่ม / หมายความว่ายังไงครับ ผมกับอาจารย์อยู่ในยุคสมัยและประเทศเดียวกันก็น่าจะมองเห็นอะไรเหมือนๆ กันไม่ใช่เหรอ

นักปรัชญา/ผิวเผินแล้วก็คงใช่ครับ จะว่าไปคุณก็ยังดูหนุ่มมากที่เดียว เคยดื่มน้ำที่ตักขึ้นมาจากบ่อหรือเปล่าล่ะ

ชายหนุ่ม / น้ำจากบ่อเหรอครับ เคยสิ แต่ก็นานมากแล้วล่ะ ที่บ้านคุณย่าของผมในต่างจังหวัดเคยตักน้ำจากบ่อขึ้นมาใช้ ในวันที่อากาศร้อนระอุกลางฤดูร้อน การได้ดื่มน้ำจากบ่อทำให้รู้สึกสดชื่นมากเลย

นักปรัชญา/คุณคงรู้อยู่แล้วว่าอุณหภูมิของน้ำในบ่อจะอยู่ที่ประมาณ 18 องศาเซลเซียสตลอดทั้งปี ไม่ว่าใครจะวัดก็ได้ค่าออกมาเท่ากันหมด เพราะอุณหภูมินั้นเป็นข้อเท็จจริง แต่เรากลับรู้สึกว่าน้ำจากบ่อที่ได้ดื่มในฤดูร้อนนั้นเย็นชื่นใจ ทว่าพอดื่มในฤดูหนาวกลับรู้สึกว่ามันอุ่น ทั้งที่อุณหภูมิของน้ำยังคงเท่าเดิมไปเปลี่ยนแปลง ที่เป็นเช่นนี้เพราะอากาศในฤดูร้อนกับฤดูหนาวทำให้คนเรารู้สึกแตกต่างกันนั่นเอง

ชายหนุ่ม / แปลว่าสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปทำให้คนเราสร้างภาพมายาขึ้นมาเหรอครับ


สารบัญ : กล้าที่จะถูกเกลียด

    คืนที่หนึ่ง : อย่าเชื่อเรื่องแผลใจ

    คืนที่สอง : ความทุกข์ใจทั้งหมดล้วนเกิดจากความสัมพันธ์

    คืนที่สาม : ตัดเรื่องของคนอื่นทิ้งไปเสีย

    คืนที่สี่ : ศูนย์กลางของโลกอยู่ตรงไหน

    คืนที่ห้า : ใช้ชีวิต ณ 'วินาทีนี้' อย่างจริงจัง

    บทส่งท้าย

    ประวัติผู้เขียน


เนื้อหาปกหลัง : กล้าที่จะถูกเกลียด

คนส่วนใหญ่คิดว่า ถ้าอยากมีชีวิตที่ดี เรื่องหนึ่งที่มีความสำคัญคือ เราต้องสร้างความสัมพันธ์อันดีกับคนอื่น แต่นั่นเป็นความเข้าใจที่ผิด เพราะยิ่งคุณพยายามทำดีกับคนอื่นมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งหมายความว่าคุณต้อง "ทิ้ง" ชีวิตของตัวเองมากขึ้นเท่านั้น

แล้วคุณจะมีชีวิตดีขึ้นอย่างที่ต้องการได้จริงหรือ? หนังสือเล่มนี้เขียนขึ้นจากคำสอนที่ถูกเก็บงำไว้มากกว่า 100 ปี ของอัลเฟรด แอดเลอร์ นักจิตวิทยาผู้ได้รับการยกย่องให้เป็น "บิดาแห่งการพัฒนาตนเอง" และกลายเป็นคัมภีร์ที่ชาวญี่ปุ่นหลายล้านคนนำไปใช้ เพื่อสร้างชีวิตที่ดีในแบบที่ต้องการ คุณเองก็ทำแบบนั้นได้เช่นกัน

สิ่งเดียวที่ต้องทำคือ "กล้าที่จะถูกเกลียด"



รีวิวโดยบุ๊คเมท : กล้าที่จะถูกเกลียด

ทำไมต้องอ่านหนังสือกล้าที่จะถูกเกลียด How – to ติดอันดับขายดี

  • ชื่อหนังสือ “กล้าที่จะถูกเกลียด” แค่ชื่อก็ทรงพลังและกระตุ้นชวนให้หยิบขึ้นมาพลิกอ่าน
  • หนังสือ “กล้าที่จะถูกเกลียด” ขายดีในญี่ปุ่น จีน เกาหลี ไต้หวัน ไทยและอีกหลายประเทศในเอเชีย
  • “กล้าที่จะถูกเกลียด” แปลโดยนักแปลมืออาชีพ ภาษาที่ใช้ อ่านเข้าใจง่าย สอดแทรกอารมณ์ขัน ทำให้เรื่องที่ยากดูน่าสนใจได้อย่างน่าทึ่ง
  • คำแนะนำในหนังสือกล้าที่จะถูกเกลียดเล่มนี้ฟังดูย้อนแย้งและขัดกับความรู้สึก แต่เมื่ออ่านจนจบเล่มก็จะรู้สึกคล้อยตามทันที แถมยังนำไปปรับใช้กับชีวิตอย่างได้ผลอีกด้วย

หนังสือกล้าที่จะถูกเกลียดแค่ชื่อก็ต้อง “กล้า” แล้ว

หนังสือกล้าที่จะถูกเกลียด เขียนขึ้นจากหลักการของ อัลเฟรด แอดเลอร์ (Alfed Adler) นักจิตวิทยา ผู้บุกเบิกแนวทางในการศึกษาพฤติกรรมและบุคลิกภาพของมนุษย์ที่เน้นอิทธิพลของสัมพันธภาพระหว่างเพื่อนมนุษย์หรือพฤติกรรมสังคม ผ่านมุมมองของนักปรัชญาชาวญี่ปุ่น คิชิมิ อิชิโร โดยมี โคะกะ ฟุมิทะเกะ นักเขียนหนุ่มเป็นผู้เรียบเรียง จัดทำในรูปแบบการสนทนาถกเถียงกันในเชิงปรัชญา เพื่ออธิบายแนวคิดของ อัลเฟรด แอดเลอร์ ผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็น “บิดาแห่งการพัฒนาตนเอง” ความโดดเด่นของแอดเลอร์ ในฐานะนักจิตวิทยา คือ เขามีความเชื่อว่า อดีตนั้นไม่ได้กำหนดพฤติกรรมต่างๆ ในปัจจุบัน แต่แอดเลอร์เชื่อว่า คนเรานั้นสามารถเลือกที่จะเปลี่ยนแปลงและมีความสุขได้  เพียงแต่มีความ “กล้า” ความทุกข์นั้นเกิดจากความสัมพันธ์ที่เรามีต่อผู้อื่น หากเราสามารถทำให้ความสัมพันธ์กับผู้อื่นราบรื่น โดยไม่ต้องพยายามเติมเต็มความคาดหวังของคนอื่น  เราก็จะสามารถมีความสุขได้มากขึ้น

อยากเปลี่ยนแปลงตัวเองต้องอ่านหนังสือ “กล้าที่จะถูกเกลียด”

ใครๆ ก็อยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง อยากพัฒนาตัวเองให้มีทิศทางที่ดีขึ้น และเชื่อว่าหนึ่งในความคิดของคนที่คิดจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง คือ เราต้องสร้างความสำพันธ์อันดีกับคนอื่น แต่เชื่อไหมว่าความคิดนั้นเป็นความคิดที่ผิด เพราะยิ่งเราทำดีกับคนอื่นมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งหมายความว่าคุณต้อง “ทิ้ง” ชีวิตของตัวเองมากขึ้นเท่านั้น หนังสือกล้าที่จะถูกเกลียดเล่มนี้จะบอกผู้อ่านว่า “คนเราเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ ถ้าเราคิดจะเปลี่ยน

กล้าที่จะถูกเกลียด แนวทางการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจ

หนังสือกล้าที่จะถูกเกลียด หนังสือแปลคุณภาพจากสำนักพิมพ์ วีเลิร์น จะนำเสนอแนวทางพร้อมให้ข้อคิดในการเปลี่ยน พัฒนาตัวเองให้มีทิศทางที่ดีขึ้น นักอ่านสามารถเลือกซื้อหนังสือกล้าที่จะถูกเกลียดและหนังสือพัฒนาตัวเองเล่มอื่นๆ ได้ที่ร้านหนังสือนายอินทร์ทุกสาขา พร้อมเปิดประตูต้อนรับคุณผู้อ่านทุกท่านด้วยความยินดี ให้บริการด้วยความเข้าใจต่อความต้องการของผู้อ่าน ยังให้บริการรับจองหนังสือล่วงหน้า หรือจะเป็นช่องทางการสั่งซื้อหนังสือออนไลน์ผ่านหน้าเว็บไซต์ของนายอินทร์ พร้อมบริการจัดส่งให้ทั่วประเทศ

รีวิว


4.8
44 รีวิว
  • 5
    84 %
  • 4
    16 %
  • 3
    0%
  • 2
    0%
  • 1
    0%
loading