รายละเอียด : หนีไฟนรก

        เรื่องต่อไปนี้ คือการเดินทางอย่างเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายของหญิงสาวชาวกัมพูชาคนหนึ่ง ในจำนวนหลายแสนคนที่ลี้ภัยอยู่ในบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หญิงสาวผู้นี้เกิดในเมืองชนบททางภาคตะวันตกของกัมพูชาใกล้เขตแดนไทย เธอเกือบจะได้ศึกษาในมหาวิทยาลัย ถ้าไม่มีเหตุการณ์ผันผวนทางการเมืองเกิดขึ้นในเขมร ครอบครัวของเธอถูกทหารรัฐบาลพอล พต บังคับให้อพยพออกไปอยู่ในถิ่นกันดาร และใช้งานต่างวัวต่างควาย ในกลุ่มคนหนุ่มคนสาวที่ถูกบังคับใช้แรงงานนั้น มีคนเจ็บป่วยล้มตายและถูกฆ่าไปเป็นจำนวนมาก

“เจีย กิมลั้ง” ได้พบสตรีชาวญี่ปุ่นชื่อ “ยาสึโกะ นะอิโต” ซึ่งถูกขับไล่ออกจากกรุงพนมเปญ และต้องสูญเสียสามีและลูกไปในระหว่างการเดินทาง ยาสึโกะรับกิมลั้งเป็นลูกบุญธรรมขณะที่ต้องระเหเร่ร่อนอยู่ด้วยกัน ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2522 หลังจากรัฐบาลพอล พต ถูกโค่นอำนาจ ครอบครัวของกิมลั้งได้หนีข้ามมายังฝั่งไทย และนำจดหมายของยาสึโกะ ฝากมอบให้แก่เจ้าหน้าที่ของสถานีโทรทัศน์เอ็นเอชเค.ในกรุงเทพฯ เป็นเหตุให้มีการค้นหายาสึโกะ และนำตัวกลับสู่ประเทศญี่ปุ่นอย่างปลอดภัย แต่ครอบครัวของ กิมลั้ง ถูกส่งตัวกลับไปยังกัมพูชาทางภาคเหนือ เธอและผู้ลี้ภัยชาวกัมพูชาอีกหลายหมื่นคน ต้องเดินทางหัวซุกหัวซุนอยู่ในบริเวณที่เต็มไปด้วยกับระเบิด และหนึ่งเดือนหลังจากนั้น กิมลั้ง ก็เข้ามาใกล้เขตแดนไทยอีกครั้งราวกับปาฏิหาริย์

แต่เรื่องราวความทุกข์ยาก ความเจ็บปวด ของชาวกัมพูชาจะยังเป็นตำนานที่ต้องบอกเล่าสืบต่อกันไปไม่รู้จบ เราอาจจะเคยเห็นข่าวภาพยนตร์เกี่ยวกับชาวกัมพูชา แต่เนื่องจากชาวกัมพูชาส่วนใหญ่เป็นคนเงียบ ไม่ค่อยพูดสนทนา จึงไม่มีคนมากนักที่เข้าใจความรู้สึกนึกคิดที่แท้จริงของพวกเขา และความเป็นจริงที่เกิดขึ้น คำบอกเล่าของกิมลั้ง สะท้อนความคิดของชาวกัมพูชาได้เป็นอย่างดี พวกเขาคงมีคำถามอยู่ในใจว่า ทำไมจึงต้องเกิดเหตุการณ์อันต้องทุกข์ทรมานเช่นนี้ พวกเขาเบื่อสภาพที่เป็นอยู่ และอยากมีชีวิตอย่างคนธรรมดาทั้งหลายทั่วโลกบ้าง กิมลั้ง จึงเป็นเหมือนตัวแทนของชาวกัมพูชาทั้งมวล ที่จะบอกเล่าเรื่องต่อไปนี้