ความสุขของกะทิ

รอยยิ้มในวัยเยาว์ กับความเศร้าที่เราต่างต้องเจอ

Why we recommend:

1.“ความสุขของกะทิ” นวนิยายขนาดสั้น ของคุณงามพรรณ เวชชาชีวะ ได้รับรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน (ซีไรต์) ของประเทศไทย ประจำปี พ.ศ. 2549

2.“ความสุขของกะทิ” ได้รับการตีพิมพ์มาแล้วมากกว่า 100 ครั้ง ด้วยยอดพิมพ์ กว่า 500,000 เล่ม

3.ภาพยนตร์เรื่อง “ความสุขของกะทิ” ถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ในปี พ.ศ. 2552 โดยผู้กำกับ เจนไวยย์ ทองดีนอก

4.ความสุขของกะทิ เป็นวรรณกรรมที่ว่าด้วยเรื่องความสุข แรงบัลดาลใจ และการใช้ชีวิต รวมไปถึงการรับมือกับความเศร้าและผิดหวัง ซึ่งนักอ่านจะได้เรียนรู้ในแบบฉบับของกะทิ

***********************************************************

 "คนบางคนวิ่งไล่ตามความฝันไปเรื่อย ๆ จนไม่รู้จริง ๆ ว่า ความฝันที่ว่าอยู่ใกล้ตัวนี่เอง"

บางส่วนจากหนังสือ ความสุขของกะทิ

***********************************************************

ความสุขของกะทิ หนึ่งในหนังสืออ่านนอกเวลาที่ผมเชื่อว่ามีหลายคนที่ได้อ่านนะครับ เป็นหนังสือที่อ่านได้ทุกเพศทุกวัย ให้ข้อคิด แถมยังเรียกน้าตาได้ไม่แพ้วรรณกรรมเรื่องอื่นๆ เลยละครับ แต่ทั้งนี้เพื่อนๆ ส่วนใหญ่อาจจะได้สัมผัสแค่เล่ม “ความสุขของกะทิ” เล่มเดียวเท่านั้น โดยที่ไม่รู้เลยว่า ความสุขของกะทิ ผลงานของคุณงามพรรณ เวชชาชีวะนี้ มีออกมาแล้วถึง 4 เล่มด้วยกัน

                         1.  ความสุขของกะทิ

                         2.  ความสุขของกะทิ ตอน ตามหาพระจันทร์

                         3.  ความสุขของกะทิ ตอน ในโลกใบเล็ก

                         4. ความสุขของกะทิ ตอน เธอคือของขวัญ

 **รู้หรือไม่ว่าความสุขของกะทิ ตอน เธอคือของขวัญ คุณงามพรรณ เวชชาชีวะ และแพรวสานักพิมพ์จัดทำขึ้นเพื่อขอบคุณและฉลองพิมพ์ซ้าก้าวที่ 100 ของหนังสือ ความสุขของกะทิ นั้นเอง**

ความสุขของกะทิเบอกเล่าเรื่องราวของน้องกะทิ เด็กหญิงวัย 9 ขวบที่กาลังจะต้องสูญเสียแม่ ซึ่งป่วยเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง แม่ของกะทิเองรู้ตัวดีว่าไม่สามารถเลี้ยงดูกะทิได้ จึงได้ฝากฝังกะทิให้คุณตากับ คุณยายเลี้ยง กะทิตัวน้อยของเราเติบโตมาด้วยความรักของตาและยาย และมีชีวิตอย่างสุขสบายในบ้านหลังน้อยริมคลองอันอบอุ่น

ในเรื่องความสุขของกะทิ ตัวละครหลักของ “กะทิ” มีครอบครัวที่เอาใจใส่ ดูแลกะทิด้วยความรัก และความห่วงใยจากใจจริง กะทิมีคุณตาที่เคยประกอบอาชีพทนาย ซึ่งสามารถเรียกเสียงหัวเราะจากกะทิและครอบครัวได้อยู่เสมอๆ คุณยายของกะทิเป็นคนที่เคร่งครัด และเป็นคนหัวโบราณ แต่ถึงจะเป็นคนที่ดูเหมือนจะดุและเจ้าระเบียบ แต่คุณยายก็สอนกะทิเรื่องต่างๆ นานา อาทิเช่น การทาอาหาร หรือจะเป็นการอยู่ในสังคม

 นอกจากนี้ในเรื่องยังมีตัวละครอื่นอีกมากมาย อย่างพี่ทองก็เป็นคนที่เข้าอกเข้าใจกะทิเป็นอย่างดี และเป็นคนที่มีบุญคุณต่อกะทิ เพราะพี่ทองเคยช่วยชีวิตกะทิไว้ครั้งสมัยที่กะทิยังเป็นเด็กเล็ก น้าฎา และน้ากันต์ ซึ่งเป็นคนที่ห่วงใยกะทิ ทั้งยังคอยหาสิ่งดีๆ ให้กะทิอยู่เสมอๆ เป็นอีกคนที่พูดปลอบใจกะทิในยามที่กะทิเศร้า และที่ขาดไม่ได้ก็คือ แม่ของกะทิ ที่ถึงแม้จะจากไปก่อนวัยอันควรแต่ก็จัดสิ่งต่างๆ ไว้ให้กะทิอย่างดี ด้วยความรัก และเอาใจใส่

***********************************************************

“เวลาเป็นของสมมุติที่มนุษย์คิดขึ้นมาเพื่อวัดระยะเวลาที่ผ่านไปตามความเป็นจริง แต่ความรู้สึกสุขทุกข์ของเราต่างหากที่เป็นตัววัดว่าเวลาผ่านไปช้าหรือเร็วแค่ไหน”

บางส่วนจากหนังสือ ความสุขของกะทิ ตอน ตามหาพระจันทร์

***********************************************************

เราเองบอกได้ว่าการอ่าน ความสุขของกะทิ เรื่องนี้ ทาให้ช่วยเปิดมุมมอง เป็นมุมเล็กๆ ของเด็กคนหนึ่งที่ต้องพบกับการสูญเสียครั้งสาคัญในชีวิต ผลงานเขียนในอดีตจากนักเขียนหลายท่าน เปรียบเด็กว่าคือผ้าขาว ที่เติบโตมาผ้าสีขาว จะถูกแต่งแต้มไปเป็นสีใด ก็ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมและจิตใจของเด็กคนนั้นๆ

เห็นได้ชัดว่า กะทิ สามารถรับมือกับการสูญเสีย และมีแนวคิดที่สร้างความสุขได้จากมุมเล็กๆ ของกะทิเอง “ความสุขของกะทิเล่มนี้” เป็นอีกหนึ่งผลงานเขียนที่น้องอินทร์อยากแนะนาให้ทุกคนได้อ่านกันนะครับ