รายละเอียด : คัมภีร์ชนะทุกโรค HOW NOT TO DIE

คัมภีร์ชนะทุกโรค HOW NOT TO DIE

ทั้งชื่อ และรูปแบบการนำเสนอมีความน่าสนใจมาก - How Not to Die (ทำอย่างไรให้ไม่ตาย) เพราะใครๆ ก็ไม่อยากตาย โดยเฉพาะถ้าต้องเจ็บป่วยและตายด้วยโรคภัย เนื้อหาในเล่มแบ่งเป็น 2 พาร์ทใหญ่ พาร์ทแรกจะเป็นการลิสต์รายชื่อโรคต่างๆ ที่คุกคามชีวิตของคนเราในปัจจุบันทั้งหมด 15 โรค แล้วก็อธิบายถึงปัจจัยต่างๆ และทำอย่างไรไม่ให้ “ตายด้วยโรค/ภาวะนั้นๆ” - ทำยังไงไม่ให้ตายด้วยโรคหัวใจ - ทำยังไงไม่ให้ตายด้วยโรคเกี่ยวกับปอด - ทำยังไงไม่ให้ตายด้วยโรคสมอง  ในพาร์ทที่ 2 จะแนะนำเรื่องอาหาร พืชผักผลไม้ เครื่องดื่ม และการออกกำลังกายที่ช่วยเสริมสร้างสุขภาพให้หลีกไกลจากโรค โดยนำเสนอในลักษณะเหมือนการจ่ายยา ม  บอก Serving Size, Daily Recommendation เป็นต้น เช่น ถ้าเป็นพวกอาหาร ต้องกินวันละปริมาณเท่าไหร่ กินกี่ครั้ง มีอะไรบ้างในอาหารจำพวกนั้นๆ หรือถ้าเป็นการออกกำลังกายก็จะแนะว่าต้องออกกำลังกายแบบไหน บ่อยแค่ไหน มีอะไรบ้าง "กินอะไร" เพื่อ "ยืดเวลา" ให้ชีวิตของคุณ รู้จัก 12 สหายประจำวัน ป้องกันและพลิกผัน 15 โรคเพชฌฆาต

สารบัญ : คัมภีร์ชนะทุกโรค HOW NOT TO DIE

• ทำอย่างไรไม่ให้ตายเพราะโรคหัวใจ
• ทำอย่างไรไม่ให้ตายเพราะโรคปอด
• ทำอย่างไรไม่ให้ตายเพราะโรคสมอง
• ทำอย่างไรไม่ให้ตายเพราะโรงมะเร็งในระบบย่อยอาหาร
• ทำอยางไรไม่ใด้ตายเพราะการติดเชื้อ
• สิบสองสหายรายวันของหมอเกรเกอร์
• ถั่ว
• เบอร์รี่
• ผลไม้อื่นๆ
• ผักตระกูลกะหล่ำ
• ผักใบเขียว
• ผักอื่นๆ
• เมล็ดแฟลกซ์

เนื้อหาปกหลัง : คัมภีร์ชนะทุกโรค HOW NOT TO DIE

วิธีใหม่ในการมองเรื่องโภชนาการและสุขภาพ ความจริงที่แสนธรรมดาคือ แพทย์หลายคนไม่ได้เก่งเรื่อง การป้องกันโรงเรื้อรัง 15 อันดับแรก ของการเสียชีวิตก่อนเวลาอันควร เช่น โรคหัวใจ มะเร็ง เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ฯลฯ ซึ่งเคร่าชีวิตผู้คนนับล้านทั่วโลกในแต่ละปี แต่เรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก เมื่อคุณรู้ว่า อาหารชนิดใดที่ควรกินและพฤติกรรมการใช้ชีวิตแบบใดที่ควรเปลี่ยน เพื่อป้องกันโรคและเปลี่ยนแปลงยีนของเราให้เรามีชีวิตที่แข็งแรงขึ้นและยืนยาวขึ้น

รีวิวโดยสำนักพิมพ์ : คัมภีร์ชนะทุกโรค HOW NOT TO DIE

ถ้าคุณเปิดอ่านมาถึงหน้านี้ แสดงว่าคุณเริ่มเกิดความสนใจที่จะรู้ว่าหนังสือเล่มนี้ช่วยให้ "หายจากโรค" ได้อย่างไร ก่อนอื่นเราขอบอกคุณว่า อย่าเพิ่งขยาดกับความหนาของหนังสือ เพราะนี่คือหนึ่งในโอกาสครั้งสำคัญที่คุณจะได้รู้ข้อมูลที่ช่วยไม่ให้คุณ "หายจากโลก" เพราะ "โรคภัย" ที่คุณสามารถป้องกัน ยับยั้ง หรือพลิกผันได้ ในยุคที่เทคโนโลยีทางการแพทย์ช่วยให้เรามีอายุยืนขึ้นกว่าแต่ก่อน แต่กลับกลายเป็นว่าการอยู่ได้ยาวนานขึ้นนั้นเป็น "การมีชีวิตอยู่อย่างอ่อนแอและทุกข์ทรมารจากโรคยาวนานขึ้น" ดูเหมือนว่าการใช้ชีวิตอย่างมีสุขภาพดีของเราในปัจจุบันกำลังถูกท้าทายครั้งใหญ่ มีงานวิจัยมากมายที่ชี้ให้เห็นว่าวัฒนธรรมอาหารอเมริกันทุกวันนี้กำลังมีปัญหาและเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดโรคภัยมากมาย และเนื่องจากวิถีการกินดังกล่าวกำลังแพร่หลายไปทั่วโลก ดังนั้นอุบัติการณ์การเกิดโรคเช่นเดียวกับในสหรัฐอเมริกาจึงเป็นเรื่องที่อยู่ไม่ไกลตัวเราเลย เมื่อ "การกิน" เป็นปัญหาก็ต้อง "แก้ไขที่การกิน" แล้วการกิจแบบไหนที่เป็นปัญหา เป็นความจริงที่ว่าทุกวันนี้เรากินอาหารจากสัตว์มากยิ่งขึ้น และอาหารของพวกเราส่วนใหญ่ก็แทบจะหนีไม่พ้นอาหารแปรรูปและอาหารฟาสต์ฟู้ด ในขณะที่การบริโภคพืชผักผลไม้กลับลดน้อยลงมาก เราถูกหันเหจากการกินอาหารแบบดั้งเดิมตามวิถีท้องถิ่น ไปสู่การกินแบบวิถีอเมริกันซึ่งเป็นตัวก่อปัญหามากยิ่งขึ้น หนังสือเล่มนี้ คุณหมอเกรเกอร์ ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ Nutrition Facts.org ได้รวบรวมงานวิจัยและข้อเท็จจริงซึ่งได้รับการยืนยันแล้วเกี่ยวกับโรคภัยที่เป็นเพชฌฆาตสิบห้าอันดับต้นๆ พร้อมกับชี้ให้เห็นว่าการกินมีอิทธิพลในการเพิ่มหรือลด หรือแม้กระทั่งขจัดความเสี่ยงในการเกิดโรคเหล่านี้ได้อย่างไร เมื่อได้อ่านแล้ว คุณจะตระหนักว่าเนื้อสัตว์ที่กินในทุกวันนี้ไม่ใช่อาหารที่ปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์อีกต่อไป และในขณะเดียวกัน คำแนะนำต่างๆ ก็มุ่งเน้นความสำคัญของการบริโภคอาหารจากพืช "ที่ไม่แปรรูป" ดูเหมือนว่าการกินอาหารมังสวิรัติแบบปราศจากผลิตภัณฑ์จากสัตว์และผลิตภัณฑ์จากนมโดยสิ้นเชิงน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับแนวทางการกินเพื่อสุขภาพที่ดี แต่หนังสือเล่มนี้ ไม่ใช่คัมภีร์มังสวิรัติ แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องผิดหากคุณยังต้องการที่จะกินผลิตภัณฑ์จากสัตว์ต่อไป แต่อย่างน้อยที่สุด ข้อเท็จจริงทางการแพทย์และวิทยาศาสตร์ที่ให้ไว้ พร้อมทั้งคำแนะนำต่างๆ จะช่วยให้คุณกินอย่างมีสติ และมีความเข้าใจ ตลอดจนคำนึงถึงที่มาทั้งหลายที่นำมาสู่อาหารตรงหน้าคุณ และใช้หนังสือเล่มนี้เป็นแนวทางที่เตือนให้ตระหนักถึงความไม่ปลอดภัยของอาหารปัจจุบัน และเมื่อคุณสามารถปรับเปลี่ยนการกินให้มีคุณค่าและปลอดภัยของยิ่งขึ้นได้แล้ว คุณก็จะสามารถพลิกผันความเสี่ยงของการเกิดโรคภัยทั้งหลายได้นี่คือหัวใจสำคัญของหนังสือเล่มนี้ อย่ามัวแต่อ้างว่า "กิน (ตามใจปาก) วันนี้ พรุ่งนี้ค่อยเลิก) เพราะพรุ่งนี้อาจไม่มีวันมาถึง ไม่ใช่เพราะคุณทำไม่ได้ แต่เป็นเพราะคุณอาจ "หายจากโลก" นี้ไปเสียก่อน แทนที่จะ "หายจากโรค"

AMARIN Health