สมองหายล้า ชีวิตก็หายเหนื่อย!

ผู้เขียน: อีชีฮยอง

สำนักพิมพ์: Shortcut

หมวดหมู่: จิตวิทยา การพัฒนาตัวเอง , การพัฒนาตัวเอง how to

0 รีวิว เขียนรีวิว

175.50 บาท

195.00 บาท ประหยัด 19.50 บาท (10.00 %)

จำนวนคะแนนที่ได้รับ 7 แต้ม

หนังสือบำรุงสมองและสร้างแรงบันดาลใจเพื่อคนทำงานผู้หมดแรง เพราะที่ชีวิตขาดความทะเยอทะยาน ทำอะไรไม่สำเร็จ ทุกอย่างเป็นเพราะสมองล้า ร่วมปฏิรูปการทำงานแบบใหม่ที่เปี่ยมด้วยกำลังวังชาและไม่รู้จักคำว่าเหน < แสดงน้อยลง หนังสือบำรุงสมองและสร้างแรงบันดาลใจเพื่อคนทำงานผู้หมดแรง เพราะที่ชีวิตขาดความทะเยอทะยาน ทำอะไรไม่สำเร็จ ทุกอย่างเป็นเพราะสมองล้า ร่วมปฏิรูปการทำงานแบบใหม่ที่เปี่ยมด้วยกำลังวังชาและไม่รู้จักคำว่าเหน

Tags: กำลังใจ , จิตวิทยา , BrainPower , แรงบันดาลใจ , แนวคิด

175.50 บาท

195.00 บาท
195.00 บาท
ประหยัด 19.50 บาท (10.00 %)

จำนวนคะแนนที่ได้รับ 7 แต้ม

จำนวน :

1

  • โปรโมชั่นพิเศษ:
    • Naiin.com World Book Day ช้อปครบ 3 เล่ม ลด 15%*
จำนวนหน้า
202 หน้า
ประเภทสินค้า
ขนาด
14.5 x 21 x 1.3 CM
น้ำหนัก
0.281 KG
บาร์โค้ด
9786161803070

รายละเอียด : สมองหายล้า ชีวิตก็หายเหนื่อย!

หนังสือบำรุงสมอง และสร้างแรงบันดาลใจเพื่อคนทำงานผู้หมดแรง เพราะที่ชีวิตขาดความทะเยอทะยาน ทำอะไรไม่สำเร็จ ทุกอย่างเป็นเพราะสมองล้า ร่วมปฏิรูปการทำงานแบบใหม่ที่เปี่ยมด้วยกำลังวังชา และไม่รู้จักคำว่าเหน็ดเหนื่อย หนังสือที่เหล่าผู้นำเกาหลีจากทุกวงการอ่านกันและใช้มันเปลี่ยนชีวิต


คำนำ : สมองหายล้า ชีวิตก็หายเหนื่อย!

ทำไมต้องปฏิวัติพลังสมองตอนนี้

บนโต๊ะทำงานมีงานค้างกองโตที่ต้อง “ทำซะ”  พอตั้งใจและลงมือทำงานก็ราบรื่นดี ทำเสร็จไปทีละเปลาะ บางงานต้องใช้ความคิดเยอะเหมือนกัน แต่ไม่ยากเท่าที่คิดไว้ โดยรวมถือว่าไปได้สวยทีเดียว
แผนสะสางงานท่าทางจะใช้ได้ อารมณ์ตอนทำงานเสร็จทีละอย่างไม่เลวเลย แต่พอทำไปนาน ๆ ชักแปลก ๆ  เริ่มเหนื่อย คิดนู่นนี่ไร้สาระ ตั้งสมาธิไม่ได้ บางช่วงก็เบลอ ตื้อ ๆ  บางช่วงรู้สึกหงุดหงิดนิด ๆ เหมือนเป็นสัญญาณบอกให้พักเสียที
นี่คือจุดเริ่มต้นราง ๆ ของอาการ “สมองล้า”  ซึ่งไม่ใช่ความเหนื่อยล้าเมื่อเราใช้แรงงานหรือออกกำลังกาย  แต่สมองก็ล้าได้ และใช่ว่าต้องเกิดจากความไม่สบายใจ เครียดเมื่อทำสิ่งไม่ชอบ ตรงกันข้าม เวลาเราทำงานแต่ละอย่างเสร็จแล้วรู้สึกดี ความสดชื่นที่คิดว่าจัดการงานค้างได้นั่นแหละตัวการ ความรู้สึกนี้ต่างจากความเครียดที่เราคุ้นเคย
“จิตใจเหนื่อยล้า” “เพลียใจ” เป็นคำที่ใช้กันบ่อยๆ แต่เอาเข้าจริง ความหมายของมันหนักไปทางนามธรรม เลื่อนลอยเอามาก ๆ  แตกต่างสิ้นเชิงกับอาการสมองล้า ซึ่งมีความเปลี่ยนแปลงในสมองที่เป็นรูปธรรมที่เกิดขึ้นจริงอย่างชัดเจน แท้ที่จริง สมองใช่ว่าจะเหนื่อยไม่เป็น! อวัยวะที่ซับซ้อน ละเอียดอ่อนกว่าอวัยวะใด หากล้าย่อมล้าหนักกว่า สมองเหนื่อยได้แน่นอนครับ เพียงแต่สมองนั้นซับซ้อนเป็นทุนเดิม อาการเหนื่อยจึงซับซ้อนเช่นกัน มันไม่ปรากฏอาการให้เห็นชัดเหมือนอวัยวะอื่นที่เราใช้ทำงานออกแรง
เวลางานไปได้สวย  โดพามีน (dopamine ฮอร์โมนแห่งความปรารถนา) และเซโรโทนิน (serotonin ฮอร์โมนแห่งความพึงพอใจ) จะหลั่ง เมื่อเราตั้งใจแน่วแน่ที่จะทำอะไรอยู่กับที่ ประสาทซิมพาเทติกจะทำงาน ชีพจรจะเต้นเร็วเล็กน้อย ความดันเลือดสูง หายใจแผ่วและสั้น กล้ามเนื้อคอกับไหล่เขม็งตึง การทำงานของกระเพาะกับลำไส้เล็กถูกบีบ สภาพเช่นนี้ดำเนินไม่ได้นาน เหมือนในหนังที่มีแต่ฉากเขย่าขวัญ ดูแล้วเหนื่อยและไม่สนุกด้วย แต่ความเหนื่อยที่ปลอดโปร่งหลังออกกำลังกายจะต่างจากนี้โดยสิ้นเชิง พลังงานที่ร่างกายใช้ไปเพราะสมองล้ามีน้อยมากเมื่อเทียบกับเวลาออกกำลังกาย แต่เนื่องจากเราใช้มันเข้มข้นแค่บางส่วน มันจึงขาดสมดุล กลายเป็นความเหนื่อยล้าที่ทำเราอารมณ์ไม่ดี นี่คือจุดเด่นของสมองล้าครับ
ขืนยังทู่ซี้นั่งทำงานต่อด้วยสภาพร่างกายแบบนี้ ทั้งร่างกายและจิตใจเราจะเริ่มต่อต้าน ชักขาดสมาธิ หัวตื้อ คิดอะไรไม่ออก สภาพร่างกายไม่อำนวยให้ทำงาน แม้ไม่ถึงกับล้มหมอนนอนเสื่อ แต่ครั่นเนื้อครั่นตัว ทนนั่งอยู่เงียบ ๆ ไม่ไหว หากยังฝืนทำต่อ คราวนี้สมองเราจะต่อต้านคำสั่ง บีบให้เราต้องพักผ่อนจนได้ นี่หมายถึงร่างกายเราไปต่อไม่ไหว สมองทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพแล้ว
คนทำงานใช้สมองจะเจอประสบการณ์แบบนี้กันบ่อย หากยังเพิกเฉยต่อสัญญาณเตือนของสมอง ประจัญบานลุยงานต่อจะเกิดอะไรขึ้น ที่ผมเริ่มเขียนต้นฉบับก็มาจากประเด็นตรงนี้ครับ

ลองมองรอบ ๆ ตัวเราสิ ลองนึกถึงภาพรถไฟฟ้าใต้ดินตอนเช้าเวลาเข้างาน มีแต่คนสีหน้าอิดโรย กว่าครึ่งนั่งหลับ
โดยไม่รู้ตัว สังคมเราอาบไปด้วยความกังวล วิตก เครียดขึ้ง มีคนพูดกันบ่อย ๆ ว่า สังคมเกาหลีเป็น “สังคมแห่งความเหนื่อยล้า”  แต่ที่เหนื่อยไม่ใช่ร่างกาย ทว่าคือสมอง แต่คนส่วนใหญ่กลับไม่เข้าใจเรื่องสมองล้าเลย ทั้งข้อเท็จจริง อันตราย ไม่ทราบด้วยซ้ำว่ามันส่งผลกระทบใดบ้างต่อร่างกาย จิตใจ และชีวิตเรา
เห็นชัดว่าสังคมไปต่อแบบนี้ไม่ได้ เราต้องรู้จักความอันตรายของสมองล้า ต้องตื่นตัวกับมัน
สภาพสังคมเราตอนนี้ ไม่กล่าวถึงสมองล้าไม่ได้แล้วครับ

สมองล้าไม่แสดงอาการให้รู้สึกชัดเจน ยิ่งปล่อยไว้ไม่ได้ใหญ่ ถ้าพูดถึงทรัพย์สมบัติสูงค่าหนึ่งเดียวของคนเรา คงไม่มีอะไรเทียบเท่ามันสมอง การดูแลสมองให้แข็งแรงเป็นเสมือนการบ้านที่โลกมอบแก่เราไม่ใช่หรือ
น่าสลดใจนัก สิ่งแวดล้อมทางสังคมที่เราเลือกช่างไม่คุ้มเอาเสียเลย คลื่นลมของสิ่งที่เรียกว่าตลาดโลก ยิ่งใหญ่เกินกำลังเรารับมือ เราต้องถูกซัดให้บอบช้ำซ้ำซาก ทั้งการเข้าสู่ยุคโลกาภิวัตน์และกว่าครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา เราเอาแต่วิ่งตามความทันสมัยของยุคใหม่ จนเหนื่อยแสนเหนื่อยทั้งกายและใจ
ยิ่งสงครามนี้มองไม่เห็นจุดสิ้นสุด จึงต้องตั้งสติให้มั่น ตั้งใจให้ดีและแจ่มชัด ใช้ความฉลาดข้ามผ่านคลื่นลมอันโหดร้ายของมันไปให้ได้  เพราะแบบนี้ถึงต้องใช้สมองให้เป็น แม้เกาหลีใต้จะมีชั่วโมงทำงานสูงที่สุดในโลก แต่มีรายงานให้ขมขื่นใจว่า ในเชิงผลผลิตและประสิทธิภาพ เรามีไม่ถึงครึ่งของประเทศพัฒนาแล้ว น่าหดหู่ที่เรายังคงมีนิสัยทำงานแบบเหยี่ยว เฝ้าแต่หมกมุ่นหาอาหารในทุ่งข้าวบาร์เลย์ มุ่งมั่นจริงจังกันเหลือเกิน การทำงานยันดึกดื่นเลยกลายเป็นเรื่องปกติเฉกเช่นการทานข้าว เกิดค่านิยมให้ฝืนทนทำงานต่อแม้ร่างกายจะเหน็ดเหนื่อย
ถึงเวลาเราต้องใช้สมองอย่างฉลาดกันแล้วครับ จะให้สมองล้าไม่ได้ หรือหากล้า ก็ต้องหาทางแก้ไขให้ว่องไว จะใช้วิธีแบบตอนนี้ไม่ได้แล้ว เราต้องเข้าใจและใช้สมองให้เป็น เพื่อดึงศักยภาพสมองออกมาใช้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
ไม่ทราบเหมือนกันว่าใช้คำ “ปฏิวัติพลังสมอง” จะดูคุยเขื่องไปหรือเปล่า แต่ถึงเวลาเปลี่ยนความคิดแล้ว ถ้าไม่เปลี่ยนแบบปฏิวัติไปเลยก็ไม่ได้เสียด้วย
ต้องขอบคุณหลาย ๆ ท่านที่มาพักในหมู่บ้านเซนของเราแล้วเล่าสู่กันฟังบ่อย ๆ ว่า ความเหนื่อยล้าหายไป มองโลกมุมใหม่ สดใสกว่าเดิม ตระหนักและเข้าใจว่า “อา... สมองเราเหนื่อยอยู่นี่เอง!”
แรงผลักดันให้ผมเขียนต้นฉบับเริ่มจากตรงนี้ อะไรหนอที่ทำให้สมองพวกเขาล้า จะบรรเทาอาการสมองล้าของผู้คนที่เข้าพักหมู่บ้านเซนสั้น ๆ อย่างไรดี เมื่อกลับไป จะให้พวกเขาใช้วิธีใดมาปฏิบัติแทนการฝึกในหมู่บ้าน เพื่อรับมือสมองล้าอย่างได้ผลในชีวิตประจำวัน...   “สมาคมวิจัยสุขภาพสมอง” ใช้คำถามเหล่านี้มาคิดต่อยอดโดยอิงหลักธรรมชาติ และผมได้นำคำตอบมาเขียนเป็นต้นฉบับในมุมมองวิทยาศาสตร์สมองครับ

อาจดูเจื่อน ๆ อยู่สักหน่อยที่ผมหยิบยกเรื่องตัวเองมาเขียนด้วย มีคนบอกผมบ่อย ๆ ว่า ไม่ง่ายเลยที่คนอายุ 80 จะยังคงสร้างสรรค์ผลงาน กระปรี้กระเปร่าทำงานไหว คนรอบตัวผมหลายคนถามบ่อยครั้งว่า ผมมีเคล็ดลับอะไร ไม่ใช่ถามเพราะอยากรู้ไปอย่างนั้นเองนะครับ แต่ถามเพราะสงสัยจริง ๆ จึงอยากให้ทุกท่านช่วยเข้าใจด้วยว่า ในฐานะต้นแบบนักจัดการสมอง ผมคงไม่เขียนเรื่องตัวเองไม่ได้ ทั้งชีวิตใน 1 วัน อาหารที่รับประทาน โภชนาการ การดูแลร่างกาย ไปจนถึงห้องอ่านหนังสือกับห้องนอนส่วนตัว ผมเขียนแนะนำไว้ละเอียดแล้วครับ แต่ใช่ว่าจะให้ทำตามทุกอย่างเป๊ะนะครับ ผมหวังเพียงแค่ว่ามันจะเป็นประโยชน์ให้คุณพิจารณานำไปใช้เป็นแนวทางบ้าง
หวังเป็นอย่างยิ่งว่าต้นฉบับต่ำต้อยนี้จะช่วยคุณให้ “ปฏิวัติพลังสมอง” ดูแลสมองได้เกิดประโยชน์สูงสุดนะครับ

อีชีฮยอง

สารบัญ : สมองหายล้า ชีวิตก็หายเหนื่อย!

    สารบัญ
    คำนำสำนักพิมพ์ -00
    คำนำผู้แปล -00
    บทนำ_ทำไมต้องปฏิวัติพลังสมองตอนนี้ - 00

    Chapter 01
    เรี่ยวแรงที่เคยมี หายไปไหนหมด
    ชีวิตแบบหน่วยประจัญบาน โหมงานทว่าไร้แผนการ คุณทำไปเพื่อใคร - 00
    ที่ต้องพักไม่ใช่ร่างกาย แต่คือสมอง - 00
    สารในสมองที่บงการอาการสมองล้า - 00
    สมองล้าในช่วงวัย 40 ปี วิกฤติใหญ่สุดของชีวิต -00
    สมองหายเหนื่อย ชีวิตก็หายล้า -00

    Chapter 02
    เมื่อรู้หลักการของสมอง จะเห็นวิธีแก้ปัญหาสมองล้า
    สมองอยากมีความสุขตามสัญชาตญาณ - 00
    อาการสมองล้าจากความเครียด -00
    Special Page_ตารางวัดความรุนแรงของสมองล้า -00
    หากต้องฝืน ไม่ทำดีกว่า -00
    ความมุ่งมั่นมากไปทำสมองล้า -00
    ไฟมอดในสามวันเมื่อไหร่ ได้เวลาแตะเบรก -00
    สิ่งเร้าดี ๆ บนประสาทสัมผัสทั้งห้า นำมาซึ่งพลัง -00
    “ยูเรก้า!” สิ่งจำเป็นของคนทำงานใช้สมอง -00
    สมองล้าต้องโทษที่นิสัย! -00


    Chapter 03
    วิเคราะห์ “มนุษย์พลังสมอง” เจ้าของพลังงานล้นเหลือ
    เปลี่ยนสู่โหมดคิดบวกง่ายนิดเดียว -00
    ซื่อตรงต่อตนเอง -00
    ความเครียดคือรสชาติของชีวิต! -00
    เติมพลังให้วงจรแห่งความสำเร็จ -00
    เต็มปรี่ด้วยโดพามีน ฮอร์โมนแห่งความปรารถนา -00
    มนุษย์เซโรโทนินผู้เริงรื่นกับทุกสิ่ง -00
    พลังความประทับใจสร้างเรี่ยวแรงแก่สมองทั้งก้อน -00
    วงจรคิดบวก ไม่จำนนต่อความล้มเหลว -00
    พลังสมองมาจากพลังกาย -00
    Special Page_ตำรับยาบำรุงสมองฉบับอีชีฮยอง - 00

    Chapter 04 
    วิธีพักสมอง สร้างสมองไม่อ่อนล้า
    จงปลุกพลังประสาทสัมผัสทั้งห้าด้วยสิ่งเร้าอันรื่นรมย์ - 00
    Special Page_สิ่งเร้าประสาทสัมผัสทั้งห้าและเสริมสวยให้สมอง -00
    สมองชอบตอนเช้า -00
    กินตามใจสมองส่วนสัญชาตญาณ -00
    ห้องส่วนตัวที่แค่คิดถึงก็สุขใจ -00
    Special Page_ห้องอ่านหนังสือที่ใช้นั่งทำงานได้วันละ 15 ชั่วโมงแบบไม่มีล้า -00
    ชั่วโมงกับสถานที่ที่ “เยี่ยมสุด ๆ!” -00
    ใช้เมลาโทนิน ฮอร์โมนนอนหลับ ให้เป็น -00
    สิ่งที่สมองล้าต้องการเดี๋ยวนี้ -00

    Chapter 05 
    เติมเต็มชีวิตด้วยธรรมชาติ
    ไม่ใช้พลังสมองสิ้นเปลืองด้วยความสะดวกสบายจากอารยธรรม -00
    โชคดีที่คนเราเปลี่ยนแปลง -00
    ตั้งใจ แต่ไม่หมกมุ่น! -00
    ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวสมองจัดการเอง -00
    จงเบิกบานกับก้าวเล็ก ๆ ที่มุ่งสู่จุดหมาย -00
    จงอย่าลืมว่า มนุษย์มีพลังฟื้นตัวแสนยิ่งใหญ่ -00
    กล้าเงยหน้ามองฟ้าด้วยไม่มีสิ่งใดให้ละอาย -00
    ไม่ใช่เพื่อใคร จงอภัยเพื่อตัวเรา - 00
    พอได้แล้ว -00
    สิ่งจำเป็น ณ ตอนนี้คือเวลาว่าง -00
    บทส่งท้าย_พักหน่อย ไม่เป็นไรหรอก - 00

เนื้อหาปกหลัง : สมองหายล้า ชีวิตก็หายเหนื่อย!

หากสมองล้าสะสม พลังสมองย่อมลดลง พลังร่างกายและชีวิตย่อมลดตาม 
แบบเดียวกับที่เราไม่เหน็ดเหนื่อยเมื่อพลังกายแข็งแรง พลังสมองแข็งแรงก็ลดความเหนื่อยของสมองลงเช่นกัน เราต้องเรียนรู้วิธีสร้างชีวิตเปี่ยมพลัง ปลุกพลังของมันให้ฟื้นคืน ผ่านเคล็ดลับดูแลสมองไม่ให้อ่อนล้า

รีวิวโดยสำนักพิมพ์ : สมองหายล้า ชีวิตก็หายเหนื่อย!

หน้าที่ ความรับผิดชอบ เส้นตาย ตารางงาน แผนสร้างอนาคต... ชีวิตที่ปีนป่ายสู่ความก้าวหน้าทำให้นาฬิกากลายเป็นระเบิดเวลา ไล่จี้เราให้รีบเร่ง ก่อนกำหนดงานนาทีสุดท้ายจะหมดลง เคยถามตัวเองกันบ้างไหมว่า ทำไมเราต้องใช้ชีวิตวุ่นวายให้เวลาไล่กวดจนเหนื่อยกันขนาดนั้น และที่เราพูดกันบ่อย ๆ ว่า “'เหนื่อย”' คุณเคยเอะใจหรือไม่ว่า ที่เหนื่อยจริง ๆ คือร่างกายหรือสมอง 
 สมองล้านั้นน่ากลัว แต่ที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือเราไม่รู้สึกถึงมัน  แน่นอน เราไม่อาจใช้ชีวิตโดยปราศจากการใช้สมองทำงาน ใจความของ Brain Power Revolution ไม่ใช่แบบนั้น ผู้เขียนไม่ได้บอกให้คุณ “'เลิก”' ใช้สมอง แต่ต้องการให้คุณใช้มัน “'เป็น” ' สมองคือสมบัติล้ำค่าของมนุษย์แท้ ๆ ทำไมเราต้องใช้พลังสูงค่าของมันหมดไปแบบสิ้นเปลืองด้วยล่ะละ น่าขำและน่าตกใจ ที่เรื่องบางอย่างก็ใกล้ตัวเสียจนเรามองไม่เห็น หนังสือเล่มนี้จะช่วยให้คุณได้ทบทวนตัวเองอีกสักนิด รู้ทันอาการสมองล้าและรับมือกับมันถูกต้องทันการ 

คุณทำงานด้วยสมองปลอดโปร่งจริง ๆ แบบไม่พึ่งกาแฟหรือบุหรี่ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ 
คุณมีเวลาส่วนตัว พักผ่อนเงียบ ๆ อยู่กับตัวเองครั้งสุดท้ายตอนไหน 
คุณถอดรองเท้าเดินสัมผัสพื้นดิน อยู่ใกล้ชิดต้นไม้ใบหญ้า สูดอากาศสดชื่นครั้งสุดท้ายนานหรือยัง  

ถ้า “'ครั้งสุดท้าย”' ที่ว่าช่างรางเลือนลางเลือน คุณคิดถูกแล้วละที่หยิบ Brain Power Revolution ขึ้นมา 
เพราะได้เวลาปฏิวัติพลังสมองกันแล้ว

รีวิว


0.0
  • 5
    0%
  • 4
    0%
  • 3
    0%
  • 2
    0%
  • 1
    0%
loading