แนะนำหนังสือ บริหารจัดการเวลา ที่บอกเคล็ดลับและวิธีวางแผนชีวิต ด้วยการนำทรัพยากรที่จำกัดอย่าง ..เวลา.. ให้มีชีวิตที่สมดุล และมีความสุข รวบรวมมาไว้ให้อ่านกันแล้ว ณ ที่นี้!!

รวมหนังสือ บริหาร จัดการเวลา

อยากประสบความสำเร็จในชีวิต ให้เริ่มต้นที่การบริหารเวลา..

       เวลา คือ ทรัพยากรที่มีจำกัด หากเราบริหารเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ เราจะสามารถใช้ประโยชน์จากเวลาที่มีอยู่ได้อย่างคุ้มค่า ส่งผลให้เราสามารถบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้ โดยไม่เสียโอกาสที่สำคัญในชีวิต ...เริ่มต้นจากการเข้าใจตัวเองและเป้าหมายในชีวิตของเรา เราต้องรู้ว่า อะไร คือ สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเรา จากนั้นจึงกำหนดเป้าหมายและจัดลำดับความสำคัญของงานต่างๆ ให้เหมาะสม

       นอกจากการเข้าใจตัวเองและเป้าหมายในชีวิตแล้ว การบริหารเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ ยังต้องอาศัยเทคนิคและทักษะต่างๆ เช่น การจัดตารางเวลา การหลีกเลี่ยงการเสียเวลาเปล่า การปฏิเสธงานที่ไม่จำเป็น การจัดการกับอุปสรรค และการสร้างวินัยในตนเอง ซึ่งหลักการและแง่คิดต่างๆ นั้น สามารถหาอ่านจาก หนังสือที่ให้ความรู้เรื่องการบริหารจัดการเวลาชีวิตของเราได้ โดยวันนี้ น้องอินทร์ขอเลือกหนังสือแนวดังกล่าวมาแนะนำให้ผู้อ่านทุกท่าน ไว้เป็นแนวทาง ดังนี้...

 

ออกแบบชีวิตด้วยเทคนิคปฏิทิน 100 ปี
(A 100-YEAR CALENDAR) <<< คลิกเพื่อดูสินค้า

 

        จากผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาทรัพยากรบุคคล โอสุมิ ริกิ อดีตผู้บริหารของ Tokyo Disney Resort จะนำทางคุณไปพบกับเป้าหมายของชีวิตโดยมี "ปฏิทิน 100 ปี" เป็นแผนที่ เมื่ออ่านเล่มนี้จบ คุณจะออกแบบชีวิตได้อย่างมีความหมายมากขึ้น และจะตระหนักถึง "เวลาที่ยังเหลืออยู่" ในชีวิตนี้ และปรับเปลี่ยนให้เป็นไปตามใจที่คุณต้องการ โดยมี 12 Step ในการเขียน "ปฏิทิน 100 ปี" ขึ้นมาคร่าวๆ ดังนี้

  • Step 1 : จงค้นหาจุดกำเนิดของคุณ
  • Step 2 : ถ้ากำหนดวันสุดท้ายได้แล้ว เราจะเห็น "เวลาที่เหลืออยู่"
  • Step 3 : ไขว่คว้า "เรื่องราว" แห่งชีวิตของคุณ
  • Step 4 : คุณใช้ชีวิตมาอย่างไร คุณกำลังใช้ชีวิตแบบไหน คุณจะใช้ชีวิตต่อไปเช่นไร
  • Step 5 : สิ่งที่ต้องการจากนี้ไปคืออะไร
  • Step 6 : ประสบการณ์ไหนส่งผลต่อชีวิตคุณ
  • Step 7 : คุณมีความสุขกับอะไร จากนี้ไปคุณต้องการใช้ชีวิตแบบไหน
  • Step 8 : สิ่งที่คุณทุ่มเทเวลากับเงินทองให้กับมันมาตลอดคืออะไร
  • Step 9 : สิ่งที่คุณให้อภัยไม่ได้คืออะไร และจะยอมให้อภัยเมื่อไหร่
  • Step 10 : สิ่งที่คุณรู้สึกเสียงใจภายหลังคืออะไร
  • Step 11 : ทำในสิ่งที่มีความสุข
  • Step 12 : เราจะใช้ชีวิตเป็นคนแบบไหน

        พูดง่ายๆ คือ ผู้อ่านต้องสำรวจตัวเองและเป้าหมายในชีวิต เพื่อให้เข้าใจตัวเองมากขึ้น โดยผู้อ่านจะได้ทำกิจกรรมต่างๆ เช่น เขียนเรียงความเกี่ยวกับชีวิตของตัวเอง วาดภาพครอบครัวและเพื่อนฝูง คิดถึงสิ่งที่อยากทำก่อนตาย เป็นต้น เสร็จแล้วก็ให้ลองคิด กำหนดวันสุดท้ายในชีวิต เพื่อให้เห็นภาพว่าเรามีเวลาเหลืออยู่เท่าไร และเราจะใช้เวลาที่เหลืออยู่อย่างไร โดยผู้อ่านจะได้ทำกิจกรรมต่างๆ เช่น วาดภาพวันสุดท้ายในชีวิต คิดถึงสิ่งที่อยากทำก่อนตาย เป็นต้น เสร็จแล้วจึง กำหนดเป้าหมายในชีวิตในแต่ละด้าน โดยผู้อ่านจะได้ทำกิจกรรมต่างๆ เช่น เขียนเป้าหมายในชีวิต แบ่งเป้าหมายออกเป็นเป้าหมายย่อยๆ กำหนดระยะเวลาในการทำเป้าหมาย เป็นต้น 

        กล่าวคือ หนังสือเล่มนี้ นำเสนอเทคนิคการออกแบบชีวิตด้วยปฏิทิน 100 ปี ซึ่งเป็นเทคนิคที่จะช่วยให้เรามองเห็นภาพรวมของชีวิตและกำหนดเป้าหมายในชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ อ่านจบแล้วจะได้คิดตาม พิจารณารัวๆ แถมยังเป็นแนวรวมเล่มแบบฝึกหัดในการวางแผนชีวิตให้เราอีกด้วย

 

THE POWER OF WHEN พลังแห่ง "เมื่อไหร่" <<คลิกเพื่อดูสินค้า (มีเป็นแบบ E-Book)

(กฏการใช้เวลาของคน 4 แบบ)

 

       หนังสือเล่มนี้ เขียนโดย Michael Breus , Ph.D. เป็นผู้เชี่ยวชาญที่ศึกษา เรื่อง “นาฬิกาชีวภาพ” กล่าวถึงแนวคิดที่ว่ามนุษย์แต่ละคนมี "นาฬิกาชีวภาพ" หรือ "จังหวะชีวิต" ที่แตกต่างกันไป โดยนาฬิกาชีวภาพนี้เป็นตัวกำหนดว่าช่วงเวลาใดของวันที่เราจะมีสมาธิและประสิทธิภาพในการทำงานมากที่สุด และช่วงเวลาใดของวันที่เราควรจะพักผ่อน ผู้เขียนได้แบ่งมนุษย์ออกเป็นสัตว์ 4 ประเภทตามจังหวะชีวิต ได้แก่

  1. โลมา ..พวกนอนหลับครึ่งสมอง ตื่นง่าย หลับไม่ลึก มีแรงขับในการนอนต่ำที่สุด มักรู้สึกไม่สดชื่น จึงต้องกินกาแฟ
  2. สิงโต ..พวกตื่นแต่เช้า กระฉับกระเฉงตอนเช้า แต่ต้องนอนเร็ว
  3. หมี ..ทำตัวไหลตามกระแส มีแรงขับในการนอนสูงมากที่สุด
  4. หมาป่า ..สัตว์นักล่ายามราตรี ตาสว่างตอนกลางคืน ช่วงเช้าสมองตื้อ เครื่องติดตอนเย็น ยิ่งดึกยิ่งคึกคัก

       โดยในหนังสือ มีแบบทดสอบ (Bio-Time Quiz) ให้เราวิเคราะห์ ตัวเองว่าจัดอยู่ในประเภทไหนด้วย ซึ่งยังมีข้อมูลตาราง ที่เหมาะสมกับบุคลิกภาพตาม “นาฬิกาชีวภาพ” ทั้ง 4 ประเภท ให้ผู้อ่านดูด้วย ไม่ว่าจะเป็น การรับประทานอาหารแต่ละมื้อ การนอน การออกกำลังกาย การสร้างความสัมพันธ์ การทำงาน การใช้ความคิดสร้างสรรค์ รวมไปถึงเรื่องรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ อย่างการตอบเมล์ การทะเลาะกัน แม้แต่การมี Sex ก็ด้วย เช่นกัน

       จึงหายสงสัยกันไปได้เลยว่า ทำไมบางคนทำงานได้ดีเวลาดึก(ยังไม่ง่วง) แต่บางคนต้องนอนเร็วๆ เพราะสมองไม่คึกเท่าตอนเช้าตรู่ แม้ว่าคนเราจะมี 24 ชั่วโมงเท่ากัน แต่ก็มี "นาฬิกาชีวภาพ" ที่แตกต่างกัน ทำให้เคมีในสมองบวกกับการจัดตารางเวลาไม่เหมือนกัน นั่นเอง ถ้าอยากรู้ว่าคุณจัดอยู่ใน “นาฬิกาชีวภาพ” แบบสัตว์ประเภทใด ก็ต้องไปตามอ่านเล่มนี้เลยย!

 

ความฉลาดทางเวลา TIME SMART <<คลิกเพื่อดูสินค้า

 

        กล่าวถึงแนวคิดของเหล่านักวิชาการ จาก Harvard Business School ที่ศึกษาเรื่อง "ความมั่งคั่งทางเวลา" แล้วพบว่า มันคือ ปัจจัยสำคัญของการเติมเต็มความสุข ของคนคนหนึ่ง รวมไปถึงศักยภาพ ประสิทธิผลในการทำงาน ซึ่ง "TIME SMART ความฉลาดทางเวลา" เป็นหนังสือที่จะช่วยคุณ ฝึกทักษะ ปรับแต่งการคิดและการตัดสินใจ ในเรื่องเล็กน้อยๆ ไปจน ถึงเรื่องใหญ่ ในอนาคตระยะยาว โดยมปัจจัยด้านเวลา มาคิดเกี่ยวข้อง ...ยกตัวอย่าง เนื้อหาในหนังสือ เช่น 3 วิธีการเพิ่มความมั่งคั่งทางเวลา
1. การหาเวลา คือ การยกเลิกกิจกรรมที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อันใด
2. การซื้อเวลา คือ การจัดสรรเงินที่ใช้ไปกับสิ่งที่ไม่มีประโยชน์ ไปใช้เพื่อทำให้เราประหยัดเวลามากขึ้น
3. การกำหนดนิยามใหม่ให้เวลา ที่ เพิ่มความมั่งคั่งให้เวลาเราได้ เช่น การเดินทางไปทำงาน หรือ การเดินทางไปซื้อของเป็นการพักผ่อน

        และถ้าหากอ่านหนังสือ “ความฉลาดทางเวลา” เล่มนี้ คุณจะได้เรียนรู้ วิธีจัดการกับเวลาจากสิ่งรบกวนของโลกใบนี้ เนื่องจากในปัจจุบ้น.. ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี ทัศนคติ หรือ วิถีปฏิบัติด้านเวลา ผู้คนยังเข้าใจแบบตรรกะวิบัติ ในเรื่องของความมั่งคั่งทางการเงินที่เรายึดถือกัน ซึ่งเราควรเปรียบเทียบเงินกับเวลา ในแบบที่เอื้อต่อชีวิตที่ดียิ่งขึ้น …คุณคิดว่า “เงิน” VS “เวลา” อะไรสำคัญกว่ากัน? คำถามนี้อาจจะมีส่วนที่กำหนด “ความสุข” ในชีวิตของคุณได้…เมื่อคุณเริ่มออกเดินทาง ด้วยเส้นทางของคนที่มีทักษะแห่งความฉลาดทางด้านเวลา การตัดสินใจของเรื่องต่างๆ ในแต่ละครั้งของคุณ ก็จะ เป็นไปเพื่อความสุข และคำนึงถึงประสิทธิภาพในอนาคต พร้อมปลดล็อค เวลาเพิ่มขึ้นมากมายในแต่ละ วัน เดือน ปี เพื่อสิ่งที่สำคัญกับชีวิตคุณจริงๆ

 

สิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นเมื่อฉันลองตื่นก่อนโลก <<คลิกเพื่อดูสินค้า (มีเป็นแบบ E-Book)

       ชื่อหนังสือ 'สิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นเมื่อฉันลองตื่นก่อนโลก' มาจากภาษาเกาหลี ถ้าแปลตรงตัว จะมีความหมายว่า "วันของฉันเริ่มตอน 4.30 น." กล่าวถึงประสบการณ์ของผู้เขียนที่ทดลองตื่นนอนตั้งแต่ตี 4 เป็นเวลา 30 วัน โดยผู้เขียนได้บันทึกการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับตัวเองในแต่ละวัน ...ผู้เขียนเองก็เคยเป็น เคยใช้ชีวิตเหมือนมนุษย์เงินเดือน พนักงานออฟฟิศธรรมดา (ทนายความชาวเกาหลี) คนหนึ่ง ..ปัจจุบันเป็นเจ้าของช่องยูทูปที่มียอดวิวกว่า 1 ล้านวิว โดยผู้เขียนได้ค้นพบ ความมหัศจรรย์ของการตื่นตั้งแต่เช้ามืด ที่ทำให้มีเวลามากกว่าคนอื่น และอยากจะแชร์ประสบการณ์ แนวคิด วิถีชีวิต ดังกล่าว ลงในหนังสือ เช่น เขาบอกว่าการได้ดื่มชาอุ่นๆ หรือการนั่งชิลตอนเช้ามืด เป็นการใช้เวลาว่างตอนเช้าอันเหลือเฟือ เพื่ออยู่กับตัวเอง แบบเงียบๆ นั้น ทำให้เกิดความสุขทางใจอย่างประหลาด

     'การได้ตื่นก่อนโลก' คือ การก้าวนำคนอื่นไปแล้วหนึ่งก้าว เราจะได้ชาร์จพลังงาน ปรับความคิด ทัศนคติ สภาพจิตใจ วิเคราะห์ วางแผนงานที่ยังค้างอยู่ หรือ ต้องทำก่อนที่จะออกไปทำงานอย่างสบายใจและไม่ต้องเร่งรีบเหมือนเคย ..เพียงแค่นี้ก็เกิดความแตกต่างกันกับชีวิตของผู้อื่นบนโลก อย่างมหาศาล …ที่สำคัญ ผู้เขียนยังแนะนำหลักการอื่นๆ เช่น การดูแลสุขภาพ ด้วยการบริหารเวลา ต้องนอนให้พอ ตื่นแล้วควรกำหนดเป้าหมาย การใช้ชีวิตในวันถัดๆไป เป็นต้น
     เราจะพบข้อดี ของการตื่นเช้า ผ่านการเล่าเรื่องราวที่เปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้นๆ ของคุณคิมยูจินให้ทุกๆ วัน เป็นวันที่สดชื่น กระปรี้กระเปร่าอย่างที่ชีวิตเรา
ไม่เคยเป็น (และจริงๆ ก็ควรจะเป็นแบบนั้น) และมันกำลังจะมีแต่สิ่งดีๆที่จะเกิดขึ้น!.. เมื่ออ่านจบแล้ว ถือว่าเป็นหนังสือในหมวดฮาวทูที่จะทำให้เราได้พบข้อดีของการตื่นแต่เช้ามืดในทุกๆวัน แบบที่น่าลองทำตามเสียด้วย!!

 

พลังพลิกชีวิตของกิจวัตรยามเย็น <<คลิกเพื่อดูสินค้า

 

       ถ้าพูดถึงการจัดการเวลา หรือกิจวัตรของคนเรา หลายๆเล่ม มักจะบอกว่า การจัดการเวลาตอนเช้าสำคัญที่สุด แต่เล่มนี้ขอแหวกแนว เนื่องจากมีเนื้อหาที่จะมาแนะนำการจัดการเวลาของคนเราในยามเย็น.. หนังสือเล่มนี้เขียนโดย YouTuber ชาวเกาหลีชื่อ รยูฮันบิน อาชีพหลักเธอเป็นสัตวแพทย์ และเธอมองเห็นว่าในตอนเย็นเป็นเวลาที่ดี คนอื่นอาจจะไปพักผ่อนแต่เธอเลือกที่จะทำสิ่งที่ชอบ (เช่น การทำยูทูป) และนำเทคนิคต่างๆ มารวมไว้ เพื่อแชร์ให้ทุกๆ คนทราบ ในเล่มนี้

       หนังสือเล่มนี้เน้นไปที่การกระตุ้นให้ผู้อ่านลุกขึ้นมาเริ่มทำโปรเจ็กต์ใหม่ ๆ หลังเลิกงาน โดยชี้ให้เห็นว่าเราอาจมีเวลาเหลือมากถึง 5 ชั่วโมงต่อวัน หากตัดเวลาทำงาน เวลานอน เวลาเดินทางกลับบ้าน และทำธุระส่วนตัวออกไป โปรเจ็กต์ที่สามารถทำได้ เช่น การออกกำลังกาย การฝึกทักษะใหม่ การเขียนบล็อก การเขียนหนังสือ การทำ YouTube

       นอกจากกระตุ้นให้ริเริ่มโปรเจ็กต์ใหม่ๆ แล้วก็ยังเน้นเรื่องการจัดสรรเวลาและหลักในการบริหารเวลาในแต่ละวัน โดยเทคนิคที่น่าสนใจ คือ Daily Planner หรือ Daily Report ที่ให้เราบันทึกกิจกรรมที่ทำทุกชั่วโมง แล้วลองวิเคราะห์ดูว่าเราใช้เวลาในแต่ละวันไปกับอะไรบ้าง คุ้มค่ากับเวลาที่เสียไปรึยัง ..ผู้เขียนยังบอกอีกว่า การมีเป้าหมายเป็นสิ่งที่ดี แต่อย่ายึดติดกับมันเกินไปจนใช้ชีวิตไม่สนุก รวมถึงการบันทึกการใช้เวลาเป็นสิ่งที่ควรทำ แต่อย่าไปกดดันตัวเอง จนรู้สึกเฟล ถ้าทำไม่ได้ตามที่ตั้งใจไว้ ..ใครชอบเรื่องบริหารเวลาอยู่แล้ว ถือว่าเล่มนี้ก็น่าสนใจไม่แพ้หนังสือการบริหารจัดการเวลาเล่มอื่นๆ เช่นกัน

 

กิน นอน ทำงาน วนไป  <<คลิกเพื่อดูสินค้า

Eat Sleep Work Repeat 

         

         หนังสือขายดีอันดับ 1 ของ Sunday Times จาก Podcast สุดเรียลของโลกการทำงาน Eat Sleep Work Repeat ที่โด่งดังไปทั่วโลกกลายมาเป็นคัมภีร์สุดชาญฉลาดที่จะชาร์ตพลังให้แก่คุณ >> >แนะนํา 30 วิธีที่จะเปลี่ยนงานที่น่าเบื่อหรือเลวร้าย ให้เป็นงานที่สนุกและเติมเต็มชีวิตของเรา

        ใน 30 วิธีเหล่านั้น ขอยกตัวอย่าง สิ่งที่จะเกี่ยวข้องกับ "การจัดการ บริหารเวลา" นั่นก็คือ

  • การ "เข้าสู่โหมดพระในยามเช้า" เช่น ยกเวลาช่วงเช้า เป็นช่วงเวลาจดจ่อ ทำงานของเรา ไม่ตอบเมล ไม่เข้าประชุมตกลงกับทีม ว่าจะเลือกเวลาเงียบช่วงไหน เวลาคุยกันช่วงไหน เพราะถ้าไม่เป็นเช่นนั้น เรามีโอกาสที่จะโดนขัดจังหวะการทำงานได้ ทุกๆเรื่องที่เพิ่มเข้ามา จะลดประสิทธิภาพการทำงานโดยรวม
  • ยิ่งชั่วโมงทำงานนาน ประสิทธิภาพยิ่งลดลง และอย่าทำงานวันเสาร์ สมาธิคนเรามีจำกัด การฝืนทำงานต่อไป นอกจากจะได้งานไม่คุ้มเวลาแล้ว ยังเสี่ยงต่อความผิดพลาดที่อาจก่อให้เกิดความเสียหาย เพราะชั่วโมงการทำงาน เมื่อเลยจุดๆนึง คุณภาพของการตัดสินใจจะลดลง ร่างกายและสมอง จำเป็นต้องพัก เพื่อให้หายจากอาการเหนื่อยล้า ทั้งทางกายและใจ ทั้งปวง

       และยังมีวิธีอื่นๆ อีก สำหรับใครต่อใครหลายคนที่ การทำงานกลายเป็นกิจกรรมที่ทำให้ไม่มีความสุข หรือกำลังเบื่อชีวิตการทำงานวนลูปเดิมซ้ำไปซ้ำมา สิ่งที่ได้รับจากหนังสือเล่มนี้ คือ แนวคิด หรือมุมมองการทำงาน และกิจกรรมในชีวิตประจำวัน รักในสิ่งที่มี รักในสิ่งที่เป็น รักในสิ่งที่ทำอยู่ในตอนนี้ อยู่กับปัจจุบันนั่นเอง อยู่ยังไงให้ใจเป็นสุข ..แค่เพียงเปลี่ยนมุมมอง สิ่งเดิม ๆ ที่น่าเบื่อหน่ายก็เปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล

 

ชีวิตเรามีแค่สี่พันสัปดาห์  <<<คลิกเพื่อดูสินค้า

Four Thousand Weeks

     

        เขียนโดย Oliver Burkeman นักเขียนและนักข่าวชาวอังกฤษ หนังสือเล่มนี้กล่าวถึงแนวคิดเกี่ยวกับเวลาและการบริหารเวลา โดยใช้มุมมองที่ท้าทายแนวคิดเดิมๆ เกี่ยวกับเวลา ..ผู้เขียนเริ่มต้นด้วยการตั้งคำถามว่า ทำไมเราถึงรู้สึกไม่มีเวลาพอเสมอ ทั้งที่อายุขัยเฉลี่ยของคนเราอยู่ที่ประมาณ 80 ปี ซึ่งเท่ากับประมาณ 4,000 สัปดาห์ ผู้เขียนอธิบายว่า สาเหตุหลักที่ทำให้เรารู้สึกไม่มีเวลาพอ เกิดจากการที่เรามีแนวคิดที่ผิดเกี่ยวกับเวลา นั่นคือ เราเชื่อว่าเรามีเวลาเหลือเฟือ เราสามารถทำอะไรก็ได้ที่เราต้องการ เราสามารถยืดเวลาออกไปได้เสมอ ...แนวคิดนี้ทำให้เราหมกมุ่นอยู่กับการวางแผนและการทำรายการสิ่งที่ต้องทำ โดยไม่คำนึงถึงความเป็นจริงว่า เรามีเวลาจำกัด เราจึงรู้สึกเครียดและกดดันอยู่ตลอดเวลา ..แนวคิดใหม่ของหนังสือเล่มนี้ คือ มองว่าเวลาเป็นทรัพยากรที่จำกัด เราไม่สามารถควบคุมหรือยืดเวลาออกไปได้ เราจึงควรให้ความสำคัญกับการใช้เวลาอย่างคุ้มค่า แทนที่จะพยายามทำทุกอย่างที่วางแผนไว้

       เป็นอีกเล่มที่จะมาช่วย มุมมองของคนเรากับการใช้ชีวิตในโลกปัจจุบันที่ดูจะให้คุณค่ากับ Productive, Task Achieving หมกมุ่นกับความสำเร็จ หรือการทำตามแบบแผนเพื่อรีดประสิทธิภาพของเวลา มากเกินไป ในขณะเดียวกันก็มอบแง่มุมที่ช่วยกระตุ้นความรู้สึกเห็นคุณค่าในทางเลือกของเรามากยิ่งขึ้น โดยมีการเนื้อหาแบ่งออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ ได้แก่ ส่วนที่ 1 เลือกที่จะเลือก – ชีวิตที่ยอมรับการมีขีดจำกัด / กับดักของการมีประสิทธิภาพ / เผชิญหน้ากับการมีจุดสิ้นสุด / เป็นผู้ผัดวันประกันพรุ่งที่ดีกว่าเดิม ฯลฯ ส่วนที่ 2 เหนือการควบคุม – เราไม่เคยมีเวลาจริงๆ หรอก / คุณอยู่ตรงนี้ / ค้นพบการพักผ่อนอีกครั้ง / วังวนของความใจร้อน / การบำบัดด้วยการตระหนักว่าเราไม่ได้สำคัญในจักรวาล / โรคมนุษย์ ฯลฯ

       ช่วงแรกของหนังสือ น่าจะทำเอาผู้อ่านรู้สึก "ว้าว" อยู่เหมือนกัน เพราะชื่อหนังสือดูเหมือนจะ เน้นไปที่การรีดเร้นประสิทธิภาพของเวลา แต่จริงๆ เนื้อหา กลับเป็นการบอกเราว่า "เรื่องการบริหารเวลา เป็นความล้มเหลว" แต่ถ้าหากเราเมื่อเปิดอ่านต่อ ผ่านไปทีละบทๆ กลับจะพบ มุมมองที่สดใหม่ ของวิถีการดำเนินชีวิตคนเราได้อย่างไม่น่าเชื่อ และถ้าอ่านไปเรื่อยๆ จะรับรู้ว่า มีหลายบท หลายตอนเลย ที่กระตุ้นให้เห็นความจริงอีกด้านที่เราอาจไม่ทันได้คิด และแน่นอนว่ามันเป็นอีกเล่มที่ไม่ควรพลาดสำหรับผู้ที่ต้องการบริหาร จัดการเวลา และลึกๆ แล้ว ก็ตามหามุมมองการใช้ชีวิตให้มีความสุขควบคู่ไปด้วยเช่นกัน

 

ความสำเร็จ ในการบริหารเวลา ควรเป็นสิ่งที่มาพร้อมกับความสุข ในชีวิต

       การบริหารเวลาชีวิต ให้เกิดประสิทธิภาพ เป็นทักษะสำคัญที่จำเป็นสำหรับทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ในวัยเรียน วัยทำงาน หรือวัยสูงอายุ ทุกคนสามารถเรียนรู้และฝึกฝนได้ ..เริ่มต้นจากการเข้าใจแนวคิดพื้นฐานเกี่ยวกับเวลา ยอมรับความจริงที่ว่าเรามีเวลาจำกัด และปรับเปลี่ยนทัศนคติของเราเกี่ยวกับเวลา จากนั้นก็เริ่มลงมือทำตามขั้นตอนต่างๆ ทีละขั้นตอน ค่อยๆ ปรับให้เข้ากับ Lifestyle และความต้องการของเรา ...ไม่ว่าจะเป็น เริ่มจากการกำหนดเป้าหมายในชีวิต เรียงลำดับความสำคัญ ตัดสิ่งรบกวน วางแผนอย่างรอบคอบ และลงมือทำอย่างจริงจัง สิ่งสำคัญคือต้องยืดหยุ่นและยอมรับข้อจำกัดของตัวเอง รวมไปถึงการให้ความสำคัญกับสิ่งที่เรารักและให้ความสำคัญกับผู้คนรอบตัวเรา ..เพียงเท่านี้เราก็จะสามารถบริหารเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ใช้ชีวิตได้อย่างคุ้มค่า และก็มีความสุขมากขึ้น นั่นเอง